วันพฤหัสบดีที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2559
ทักษะในการเล่นวอลเล่ย์บอล
การเล่นกีฬาวอลเลย์บอลมีทักษะส่วนบุคคลพื้นฐานที่จำเป็นต้องใช้สำหรับการเล่นหลายประเภท ซึ่งผู้เริ่มเล่นวอลเลย์บอลจำเป็นต้องเริ่มฝึกในพื้นฐานเหล่านี้ สำหรับในตอนนี้จะได้นำเสนอทักษะต่างๆ ที่จำเป็นสำหรับการเล่นวอลเลย์บอลในภาพรวมทุกทักษะ เพื่อที่จะได้ทราบว่าแต่ละทักษะมีวิธีการและความสำคัญอย่างไร
รูปแบบทักษะพื้นฐาน ซึ่งทักษะทั้งหมดจำเป็นต้องใช้ในการแข่งขัน ในการฝึกนอกจากผู้เล่นจะสามารถปฏิบัติทักษะพื้นฐานทั้งหมดได้แล้วยังต้องสามารถเชื่อมโยงการเล่นในแต่ละทักษะได้ด้วย สำหรับการเล่นเป็นทีมนั้นหากผู้เล่นไม่มีความชำนาญในแต่ละทักษะพื้นฐานที่เกี่ยวกับการเล่นวอลเลย์บอลก็จะทำให้การเล่นเป็นทีมทำได้ยาก
ทักษะที1 การอันเดอร์วอลเล่ย์บอล

ลักษณะท่าทางเตรียมเล่นบอลของผู้เล่นมีลักษณะดังนี้
1. หงายมือทั้งสองข้าง
2. เอามือหนึ่งไปวางช้อนทับอีกมือหนึ่ง
3.รวบมือให้นิ้วหัวแม่มือชิดติดกัน มัด
4. ใช้มือใดมือหนึ่งกำหมัด
5. ใช้อีกมือหนึ่งโอบหมัด
6. ให้นิ้วหัวแม่มือทั้งสองชิดติดกัน .กำมือ
7.กำมือทั้งสองข้าง
8.นำมือทั้งสองข้างมาชิดกัน
9.ให้นิ้วหัวแม่มือทั้งสองข้างเสมอกัน
ท่าการอันเดอร์
1. ยืนเท้าใดเท้าหนึ่งอยู่ข้างหน้าห่างกัน ประมาณ 1 ช่วงไหล่
2 ย่อเข่าลงให้หัวเข่าเลยปลายเท้าเล็กน้อยก้มลำตัวให้หัวไหล่อยู่ในแนวระดับของเข่า
3 ยกส้นเท้าขึ้นเล็กน้อย น้ำหนักตัวอยู่ที่ปลายเท้าทั้งสองข้าง ตรงบริเวณโคนหัวแม่เท้า ใต้ฝ่าเท้า
4 จับมือในท่าที่ถูกต้อง แขนทั้งสองเหยียดตึง ตามองที่ลูกบอล
ทักษะที่2 การส่ง ( เซ็ท )

การยกมือทั้งสองในการเซ็ต
1. ยกมือทั้งสองขึ้นประมาณหน้าผาก มือทั้งสองห่างจากใบหน้าประมาณ 1 กำมือ ( 10 เซนติเมตร)

2. กางนิ้วออก กางข้อศอกออกเล็กน้อย ข้อศอกอยู่ระดับเสมอไหล่หรือสูงกว่าเล็กน้อย กางนิ้วออกนิ้วงอเป็น 3เคลื่อนที่ไปที่ลูกบอลจะตกให้ลูกบอลอยู่เหนือศีรษะบริเวณหน้าผาก
4. ย่อเข่า ยกมือให้จุดสัมผัสบอลกับนิ้วมือห่างจากหน้าผาก 20 ซ.ม
า

ทักษะที 3การตบลูกวอลเลย์บอล

1. การวิ่งเคลื่อนที่เข้าหาจุด
2. เตรียมกระโดดห่างจากจุดที่ลูกบอลตกประมาณ 1 ฟุต
3. กระโดดเหวี่ยงแขนทั้งสองไปข้างหลัง น้ำหนักตัวไปข้างหลัง เข่างอ
4. เหวี่ยงแขนทั้งสองขึ้นข้างหน้า พร้อมกับถีบเท้าทั้งสองกระโดดลอยตัว ขึ้นตรง ๆ

5. แขนขวาเงื้อไปข้างหลัง งอแขนเล็กน้อย แบมือ ตามองดูบอลตลอดเวลา
6. จังหวะที่จะตบ ให้กดไหล่ซ้ายลง พร้อมกับตบลูกบอลให้แรงส่งจากข้อมือ ศอก ไหล่ และลำตัว
7. ลงสู่พื้นด้วยเท้าทั้งสองในลักษณะย่อตัว

ทักษะที่4 การเสิร์ฟลูกวอลเล่ย์บอล
การเสิร์ฟเป็นการรุกวิธีหนึ่งการแข่งขันจะเริ่มจากการเสิร์ฟเสมอ ลูกเสิร์ฟที่มีพลังและมีประสิทธิภาพ สามารถ ข่มคู่แข่งขันและเชิงความเป็นผู้คุมเกมการเล่นได้ด้วย จุดประสงค์ของการเสิร์ฟอยู่ที่การทำคะแนนโดยตรงทำลายยุทธวิธีการรุกของฝ่ายตรงข้ามลดภาระการตั้งรับของฝ่ายตน สร้างโอกาสที่ได้เปรียบในการตอบโต้ลูกเสิร์ฟที่ดีสามารถทำความหนักใจให้ฝ่ายตรงข้ามอันเป็นการทำลายขวัญและจิตใจของคู่แข่งขันทำให้เกิดความรวนเร ขาดความสัมพันธ์ในการรุกได้ทางหนึ่งด้วย ผู้เล่นจึงควรหาความชำนาญ โดยการฝึกหัดเสิร์ฟด้วยวิธีใดวิธีหนึ่งที่เหมาะสมและดีที่สุด หรือตามความถนัดของผู้เล่นแต่ละคน
หลักสำคัญในการเสิร์ฟ มีดังนี้ ท่าทางในการเสิร์ฟ
1. ตำแหน่งการยืน
2. การโยนลูกบอล
4. จุดที่มือกระทบลูกบอล ท่าทางในการเสิร์ฟ ก่อนที่ผู้เล่นจะเริ่มทำการเสิร์ฟต้องรู้ตัวเองว่าตนเองถนัดเสิร์ฟท่าทางแบบใดตามที่ได้ฝึกฝนมา ถ้าเคยฝึกฝน หรือถนัดเสิร์ฟลูกท่าทางแบบใดต้องเสิร์ฟลูกตามแบบนั้นตลอดการแข่งขัน เพราการเปลี่ยนท่าทางการเสิร์ฟบ่อย ๆ ย่อมทำให้ประสิทธิภาพการเสิร์ฟเสียไป ตำแหน่งการยืน ก่อนที่จะเริ่มเสิร์ฟทุกครั้ง ผู้เล่นต้องยืนตามจุดหรือตำแหน่งที่เคยฝึกซ้อมมา มีผู้เล่นจำนวนมากที่ขาดความสังเกตในเรื่องนี้พอจับลูกบอลเข้ามายืนในเขตเสิร์ฟก็เสิร์ฟลูกไปตามใจตนเอง การยืนห่างจากเส้นหลังใกล้หรือไกลเพียงใด ยืนห่างจากมุมสนามมากน้อยเพียงใด ก็ต้องยืนที่จุดนั้นตลอดทุกครั้งที่ทำการเสิร์ฟ เพราะจะทำให้ความแรงความเร็วและทิศทางของลูกบอลเป็นไปตามเป้าหมายที่ต้องการและทำให้การเสิร์ฟมีผลเสียน้อยด้วย การโยนลูกบอล ความสูงขณะโยนลูกบอลขึ้นต้องสม่ำเสมอ เช่น ความสูงจากมือที่โยน ประมาณ 3 – 4 ช่วงของลูกบอล ก็จะต้องโยนลูกบอลให้มีความสูงเช่นนี้ตลอดไปเพราะการโยนลูกสูงบ้างต่ำบ้าง ทำให้แรงที่ใช้ตีและทิศทางของลูกขาดความแม่นยำ นอกจากนี้การโยนลูกใกล้ตัว ห่างตัวบ้าง เอียงไปซ้ายบ้างขวาบ้าง ก็ย่อมมีผลต่อการตีลูกบอลด้วย การเหวี่ยงแขน การเสิร์ฟให้ลูกบอลพุ่งไปตามทิศทางและมีความแรงตามที่ต้องการขึ้นอยู่กับการเหวี่ยงแขนด้วย ผู้เสิร์ฟเคยเหวี่ยงแขนในลักษณะใด มือห่างจากลูกบอลเท่าไรจะต้องทำอย่างนั้นทุกครั้งที่เสิร์ฟ จึงต้องฝึกฝนการเหวี่ยงแขนให้คล้ายกับเครื่องจักรที่มีจังหวะการทำงานอย่างสม่ำเสมอ จุดที่มือกระทบลูกบอล ลักษณะของมือและจุดที่มือกระทบลูกบอลต้องเหมือนกันทุกครั้งที่ตีลูกบอลในท่านั้น ๆ ด้วย เช่น การแบมือตีด้านหลังตรงส่วนกึ่งกลางของลูกบอล ก็ ต้องทำในลักษณะเช่นนี้ตลอดทุกลูกที่เสิร์ฟ เพราะการออกแรงและจุดที่ตีลูกบอลแตกต่างกันก็ยอมทำให้ทิศทางของลูกบอลที่พุ่งออกไปแตกต่างกันด้วย

ลักษณะของการเสิร์ฟ การเสิร์ฟโดยทั่วไปแบ่งออกเป็น 2 ลักษณะใหญ่ ๆ คือ
1. การเสิร์ฟลูกมือล่าง
2. การเสิร์ฟลูกมือบน
ทักษะที5.การสกัดกั้น ( ป้องกันการตบ )
1. ยืนแยกเท้าออกประมาณ 1 ช่วงไหล่
2. มือทั้งสองยกขึ้นกางฝ่ามือออก
3. งอเข่าเล็กน้อย
4. ศีรษะตั้งตรงมองไปข้างหน้า
5. กระโดดขึ้นเพื่อสกัดกั้นลูกตบของฝ่ายตรงข้าม

ทักษะเบื้องต้นในการเล่นฟุตบอล
ทักษะเบื้องต้นในการเล่นฟุตบอล
การทรงตัว
การทรงตัวเป็นพื้นฐานเบื้องต้นที่มีความสำคัญในการฝึกกีฬาทุกชนิด เพื่อการเคลื่อนไหวได้อย่างคล่องแคล่วว่องไว สามารถทำให้การเล่นกีฬาเป็นไปอย่างต่อเนื่อง สนุกสนานเร้าใจท่าทางการทรงตัว
ที่ผู้เล่นฟุตบอลควรฝึกหัด มีดังนี้
1. ทำการทรงตัวและจังหวะการใช้เท้าทั้งบนพื้นดินและในอากาศ
2. การถ่ายน้ำหนักตัวไปสู่เท้าหลัก เมื่อมีการครอบครองลูก เตะลูกหรือเลี้ยงลูกฟุตบอล
3. การวิ่งตามแบบของฟุตบอล เช่น วิ่งไปที่มุมสนาม วิ่งหาช่องว่าง วิ่งตัดกันเพื่อหลอกคู่ต่อสู้
4. การวิ่งซิกแซ็ก เพื่อการหลบหลีกเมื่อเลี้ยงหรือครอบครองลูก
การเคลื่อนที่ไปข้างหน้า ถอยหลัง ไปทางซ้าย ไปทางขวา
มีวิธีการฝึกดังนี้
1. ทิ้งน้ำหนักตัวไปสู่ทิศทางที่จะเคลื่อนที่ไป ตาจับอยู่ที่ลูกบอล
2. เคลื่อนเท้าที่อยู่ในทิศทางที่จะเคลื่อนไป นำไปก่อน แล้วจึงเคลื่อนเท้าอีกข้างหนึ่งตามไปโดยเร็ว เช่น ไปทางซ้ายให้ก้าวเท้าซ้ายนำไปก่อน แล้วก้าวเท้าขวาตามไป
3. การใช้ปลายเท้าสัมผัสพื้น ช่วยให้การเคลื่อนไหวรวดเร็วขึ้น
การสร้างความคุ้นเคยกับลูกฟุตบอล
พื้นฐานของการเล่นฟุตบอลที่สำคัญอย่างหนึ่งก็คือ การสร้างความสัมพันธ์หรือความคุ้นเคยกับลูกฟุตบอลเป็นอย่างดี กล่าวคือ การเล่นลูกฟุตบอลต้องสามารถทำได้อย่างที่ตั้งใจไว้ทุกประการ ไม่ว่าจะเป็นการเล่นลูกแบบใดก็ตาม การที่ผู้เล่นคุ้นเคยกับลูกฟุตบอลจะส่งผลให้การครอบครองบอล การเคลื่อนที่ในลักษณะต่างๆ การควบคุมบังคับทิศทางของลูกฟุตบอลเป็นไปด้วยความแม่นยำ ดังนั้น จึงควรให้ผู้เล่นฝึกความคุ้นเคยให้ชินกับลูกฟุตบอลมากที่สุด
วิธีการสร้างความคุ้นเคยกับลูกฟุตบอล
1. วางเท้าบนลูกฟุตบอลแล้วคลึงด้วยฝ่าเท้าไปมาหน้า - หลัง ซ้าย - ขวา โดยให้อยู่กับที่ ให้ทำทั้งเท้าซ้าย-ขวา
2. ทำเหมือนข้อที่ 1 แต่ให้เคลื่อนที่ไปตามทิศทางต่าง ๆ ด้วย
3. ใช้ฝ่าเท้าตบลูกฟุตบอลให้กระดอนขึ้น-ลง โดยใช้เท้าซ้ายหรือขวาสลับกัน
4. วางเท้าด้านในติดกับข้างลูกฟุตบอล ใช้ข้างเท้าด้านในปาดเหนือลูกมาอีกด้านหนึ่งของลูก ตอนนี้ลูกฟุตบอลจะอยู่ข้างเท้าด้านนอก แล้วใช้เท้าด้านนอกปาดลูกกลับไปอีกด้านตามเดิม แล้วให้ฝึกสลับเท้าด้วย
5. งัดลูกฟุตบอลด้วยปลายเท้าให้ลูกลอยขึ้นในอากาศ หยุดลูกด้วยหลังเท้า หรือฝ่าเท้า
6. งัดลูกฟุตบอลด้วยปลายเท้าให้ลูกลอยขึ้นในอากาศ แล้วเดาะลูกด้วยเท้า เข่า หน้าอก ศีรษะ สลับกัน
7. ทำเหมือนข้อ 6 แต่เคลื่อนที่เป็นระยะทางไกล โดยลูกฟุตบอลไม่ตกถึงพื้น
การหยุดหรือบังคับลูกฟุตบอล
การหยุดลูกได้ดีนั้น ทำให้สามารถที่จะบังคับและควบคุมลูกฟุตบอลให้เคลื่อนที่ไปในลักษณะใดก็ได้ตามต้องการ เช่น การเลี้ยง การส่งลูก การยิงประตู ทำให้ทีมเป็นฝ่ายรุก เพื่อโจมตีฝ่ายตรงข้าม
เราสามารถหยุดลูกฟุตบอลด้วยส่วนใดของร่างกายก็ได้ ยกเว้นแขนและมือทั้งสองข้างคำจำกัดความ
การหยุดลูก หมายถึง การบังคับลูกที่มาในลักษณะต่าง ๆ ทั้งบนพื้นดินและในอากาศให้อยู่ในครอบครองของเรา เพื่อจะได้ส่งลูกต่อไปตามความต้องการ
หลักในการหยุดลูกมีอยู่ 3 ประการ คือ
1. จะใช้ส่วนใดของร่างกายในการหยุดลูก
2. การเคลื่อนตัวเข้าสู่ตำแหน่ง เพื่อหยุดลูกที่ลอยมาหรือกลิ้งมากับพื้น
3. ใช้เทคนิคการผ่อนของร่างกาย เพื่อลดแรงปะทะของลูก
การหยุดลูกด้วยฝ่าเท้า ให้พยายามหยุดลูกฟุตบอลเบา ๆ การใช้ฝ่าเท้าหยุดลูก ให้หยุดลูกที่ส่งเรียดมากับพื้น โดยเปิดปลายเท้าขึ้นปะทะลูกไว้ในครอบครองและให้ฝ่าเท้าสัมผัสส่วนบนของลูกพร้อมที่จะเคลื่อนที่ต่อไป
การหยุดลูกด้วยข้างเท้าด้านใน วิธีนี้สามารถใช้หยุดลูกที่ส่งเรียดหรือต่ำ
1. ใช้ในการควบคุมลูกฟุตบอลให้ตกลงสู่พื้นอย่างประณีต ในขณะที่เคลื่อนไปข้างหน้า
2. วางมุมเท้าเพื่อหยุดลูก โดยการบิดลำตัวทางด้านข้างตามแนวที่ลูกลอยมา ใช้ข้างเท้าด้านในสัมผัสตรงกลางลูก เพื่อผ่อนแรงปะทะ
3. การหยุดลูกใช้องค์ประกอบ 3 อย่าง คือ ข้างเท้าด้านใน ข้อเท้า และพื้นสนาม
4. คาดคะเนจังหวะลูกฟุตบอลกระทบกับเท้าและพื้นดินพร้อม ๆ กัน เพื่อการหยุดลูกไว้อย่างมั่นคง

การหยุดลูกด้วยหลังเท้า วิธีนี้ใช้หยุดลูกฟุตบอลที่ลอยมา ให้งอเข่าและยกเท้าขึ้น เพื่อรับลูกที่กำลังจะตกพื้น ให้ลดขาและเท้าเพื่อผ่อนแรงปะทะ ตาจ้องมองดูลูก ใช้ขาข้างใดข้างหนึ่งเป็นหลักและทรงตัวให้มั่นคง

การหยุดลูกด้วยหน้าขา
ใช้ในกรณีที่ลูกลอยมาสูงกว่าระดับเอว ใช้หน้าขาหยุดลูกไว้โดยให้งอเข่ารับผ่อนแรง โดยลดต้นขาลงแล้วปล่อยลูกตกลงพื้นอยู่กับเท้าเพื่อครอบครองบอล โดยใช้แขนทั้งสองข้างและขาที่ยืนเป็นหลัก
ช่วยในการทรงตัว
การหยุดลูกด้วยหน้าอก
วิธีนี้ใช้รับลูกที่ลอยมา ให้แยกแขนทั้งสองออก ยืดอกรับลูกแล้วปล่อยลูกลงพื้นอยู่กับเท้า โดยการยืนแยกขาออกเล็กน้อย เพื่อการทรงตัว ขณะที่ลูกปะทะกับหน้าอก ให้ย่อตัวและไหล่ทั้งสองข้าง
เพื่อลดแรงปะทะ

การหยุดลูกด้วยศีรษะ
ในกรณีที่ลูกฟุตบอลลอยมาสูงเกินกว่าที่จะรับด้วยหน้าอก ให้ใช้น้าผากรับแทน โดยยื่นศีรษะออกไปเพื่อรับลูก เมื่อรับแล้วให้ดึงศีรษะกลับ แล้วปล่อยให้ลูกลงพื้นอยู่กับเท้า

วันพุธที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2559
กฎใหม่ ศึกษากันไว้ครับ
ศึกษากันไว้นะครับ
กฏใหม่ที่มีการเปลี่ยนแปลงทั้ง 95 ข้อนั้นมีอะไรบ้าง คงใช้เวลาไล่เรียงกันนาน และด้วยพื้นที่อันมีจำกัด วันนี้จึงขออนุญาตนำเอาการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ ๆ แยกเป็นหัวข้อมาแจ้งให้ทราบกัน
- สนามแข่งขัน
อนุญาตให้มีโลโก้ต่าง ๆ บนธงที่มุมธงได้ หลังจากก่อนหน้านี้ไม่อนุญาต ขณะที่พื้นสนามอนุญาตให้ใช้หญ้าจริงปนกับหญ้าเทียมได้ หลังจากก่อนหน้านี้อนุญาตให้ใช้พื้นสนามที่เป็นหญ้าธรรมชาติเท่านั้น
- ผู้เล่น
หากตัวสำรองที่ถูกเปลี่ยนออก, นักเตะที่โดนไล่ออก หรือเจ้าหน้าที่ทีมเข้ามาขัดขวางการเล่น ทำให้เกมหยุด ทีมของนักเตะหรือเจ้าหน้าที่ทีมรายนั้นจะโดนทำโทษด้วยการให้ทีมคู่แข่งเตะฟรีคิกจังหวะเดียวหรือให้ลูกจุดโทษ จากเดิมที่เป็นฟรีคิก 2 จังหวะหรือไม่ก็ดร็อปบอล
และหากตัวสำรองที่โดนเปลี่ยนออก, เจ้าหน้าที่ทีม หรือใครก็ตามที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเกม เข้ามาขวางไม่ให้บอลเข้าประตู ผู้ตัดสินสามารถใช้กฏแอดเวนเทจให้ประตูกับทีมคู่แข่งได้ทันที
- อุปกรณ์ของผู้เล่น
ผู้เล่นที่สวมกางเกงด้านในหรือกางเกงรัดกล้ามเนื้อ ต้องเป็นสีเดียวกันกับเพื่อนร่วมทีมคนอื่น ๆ และต้องเป็นสีเดียวกับกางเกงเท่านั้น ขณะที่ผู้เล่นที่ออกจากสนามไปเพื่อเปลี่ยนสตั๊ด จะกลับเข้าสู่สนามได้ ต้องได้รับอนุญาตจากผู้ตัดสินก่อนจึงจะกลับเข้าสนามได้
- ผู้ตัดสิน
ผู้ตัดสินมีสิทธิในการทำหน้าที่ได้ตั้งแต่ในช่วงการตรวจความพร้อมก่อนเกม จากเดิมที่การทำหน้าที่ของผู้ตัดสินจะเริ่มตั้งแต่เกมเริ่มคิกออฟเท่านั้น นั่นหมายความว่าผู้เล่นมีสิทธิโดนใบแดงตั้งแต่ในช่วงวอร์มอัพ แต่ใบเหลืองยังคงแจกได้เฉพาะในช่วงของการแข่งขันเท่านั้น
ส่วนผู้เล่นซึ่งโดนคู่แข่งเสียบสกัดจนบาดเจ็บ โดยที่ผู้เล่นฝั่งตรงข้ามที่ทำฟาวล์โดนใบแดง ผู้เล่นคนนั้นไม่จำเป็นต้องออกไปปฐมพยาบาลนอกสนาม
- ช่วงเวลาของการแข่งขัน
ช่วงเวลาที่มีการหยุดให้นักเตะพักดื่มน้ำระหว่างเกม จะถูกรวมเข้าไปอยู่ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บอย่างเป็นทางการ
- การเริ่มเกม และการเริ่มเกมหลังมีการหยุด
การเขี่ยบอลเริ่มเกมไม่จำเป็นต้องเขี่ยไปข้างหน้าอีกต่อไป แค่ลูกบอลเคลื่อนที่ก็ถือว่าเกมเริ่มแล้ว ขณะที่ในกรณีเกิดการดร็อปบอลนั้น ผู้ตัดสินต้องไม่ชี้ขาดว่าฝ่ายไหนที่ควรจะได้ครองบอล
- การตัดสินผลแพ้ชนะ
ในการยิงจุดโทษตัดสินผลแพ้ชนะ การตัดสินว่าจะยิงที่ประตูฝั่งไหนนั้น จะต้องเลือกจากการโยนเหรียญ จากสภาพสนามบริเวณหน้าประตู หรือเลือกจากสภาพความปลอดภัย ไม่ใช่การเลือกโดยตัวผู้ตัดสินเอง
ในการยิงจุดโทษตัดสินนั้น หากทีมใดทีมหนึ่งมีผู้เล่นโดนไล่ออก ทีมที่มีผู้เล่นมากกว่าต้องตัดผู้เล่นในทีมออกตามจำนวนนักเตะทีมคู่แข่งที่โดนไล่ออก เพื่อให้มีจำนวนผู้เล่นที่มีสิทธิยิงจุดโทษเท่ากัน
- ล้ำหน้า
มือและแขน เป็นอวัยวะของร่างกายที่จะไม่ถูกพิจารณาในกรณีล้ำหน้า หมายความว่าหากนักเตะฝ่ายรุกยื่นแขนออกไป แต่ตัวยังอยู่ในไลน์ แสดงว่าไม่ล้ำหน้า ขณะที่ลูกฟรีคิกจากการล้ำหน้านั้น ทีมที่ได้ฟรีคิกสามารถเริ่มเล่นจากจุดที่นักเตะที่ล้ำหน้าได้บอลได้เลย จากเดิมที่ต้องมาเริ่มเล่นที่จุดแรกที่นักเตะคู่แข่งล้ำหน้า
- การทำฟาวล์และพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม
ผู้ตัดสินจะเป่าให้ฟรีคิกหรือจุดโทษได้ เฉพาะช่วงที่เกมดำเนินอยู่เท่านั้น ขณะที่นักเตะที่ขัดขวางโอกาสทำประตูของคู่แข่งอย่างชัดเจนในกรอบเขตโทษ ไม่จำเป็นต้องโดนใบแดงเสมอไป ยกเว้นการดึงหรือผลักคู่ต่อสู้ การเจตนาเล่นคนหรือการเข้าสกัดช้า หรือเป็นการเล่นรุนแรงเกินกว่าเหตุ ซึ่งในกรณีเล่นรุนแรงนั้นไม่ว่าจะจุดใดของสนาม ก็สามารถเป็นใบแดงได้ทันที
ขณะที่ผู้เล่นที่แสดงเจตนาเล่นรุนแรงนั้น ผู้ตัดสินสามารถแจกใบแดงได้ทันที แม้จะไม่มีการปะทะกันก็ตามนอกจากนี้ หากมีการแสดงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมกับทีมงานผู้ตัดสินนั้น ผู้ตัดสินสามารถลงโทษด้วยการให้ฟรีคิกโดยตรงหรือจุดโทษได้ทันที
- ฟรีคิก
เมื่อมีการทำฟาวล์นอกสนามขณะที่เกมยังดำเนินอยู่ ทีมที่ได้ฟาวล์จะได้เริ่มเล่นฟรีคิกบนเส้นขอบสนามใกล้จุดเกิดเหตุ และหากเกิดการฟาวล์นอกเส้นหลังภายในบริเวณกรอบเขตโทษ ผู้ตัดสินก็สามารถเป่าเป็นลูกจุดโทษได้ทันที
- การยิงจุดโทษ
ผู้เล่นที่แกล้งชะงักในจังหวะที่กำลังจะเตะลูกบอล เพื่อทำให้ผู้รักษาประตูเสียจังหวะในการยิงจุดโทษ จะโดนใบเหลืองข้อหาไม่มีน้ำใจนักกีฬา แต่ผู้เล่นสามารถชะงักในจังหวะที่กำลังสาวเท้าวิ่งเข้ายิงได้ ส่วนผู้รักษาประตูที่ผวาออกมานอกเส้นประตูก่อนฝ่ายตรงข้ามจะยิงมากเกินไป ก็จะโดนใบเหลืองเช่นกัน
- ลูกทุ่ม
ผู้เล่นที่พยายามเข้าไปยืนขวางการทุ่มของฝ่ายตรงข้าม จะโดนใบเหลืองหากเข้าไปยืนห่างจากคนทุ่มไม่ถึง 2เมตร
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)