ห้องเรียนพลศึกษา ป.5
วันพฤหัสบดีที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2560
วันอังคารที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2560
ืทักษะการเล่นตะกร้อ
ทักษะการเล่นตะกร้อ
ตะกร้อเป็นกีฬาไทยที่เล่น กันแพร่หลายมานานนับศตวรรษ ไม่ว่าจะเป็นตามชนบท ในวัด ในวัง ในเมือง จะพบเห็นการเล่นตะกร้อเสมอ เพราะตะกร้อไม่ต้องใช้บริเวณพื้นที่กว้างขวางเหมือนกีฬาประเภทอื่น ๆ อุปกรณ์ก็หาได้ง่าย ทั้งผู้เล่นก็ไม่จำกัดรูปร่าง เพศหรือวัย ตลอดจนไม่จะกัดผู้เล่นตายตัว อาจยืดหยุ่นได้ตามความเหมาะสมการเล่นตะกร้อจึงได้รับความนิยมตลอดมาซึ่งผู้ เล่นจะได้รับประโยชน์จากการเล่นทั้งทางตรงและทางอ้อมนับอเนกประการดังนี้
1 ) ตะกร้อเป็นกีฬาที่ประหยัด ลงทุนน้อยแต่เล่นได้หลายคน คุ้มค่าเงิน สามารถร่วมทุนกันคนละเล็กละน้อยหรือผลัดกันซื้อก็ได้ ทั้งลูกตะกร้อก็มีความทนทาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้ารู้จักใช้และรู้จักเก็บรักษาให้ดี
2 ) การเล่นตะกร้อเป็นการใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ ทำ ให้จิตใจสดชื่นแจ่มใสและที่สำคัญผู้ที่เล่นตะกร้อยังได้ชื่อว่าเป็นผู้หนึ่ง ที่ส่งเสริมกีฬาศิลปะและวัฒนธรรมไทย ซึ่งถือได้ว่าเป็นการรักษาเอกลักษณ์ของชาติอีกด้วย
3 ) การเล่นตะกร้อยังเป็นพื้นฐานของการเล่นกีฬาปะเภทอื่นได้เป็นอย่างดี เพราะ ทำให้ผู้เล่นรู้จักวิธีการครอบครองลูก รู้จังหวะเข้าออก จังหวะการเตะ โดยให้มีความสัมพันธ์ระหว่างมือ เท้า อวัยวะต่างๆ ได้เคลื่อนไหวสอดคล้องกัน สร้างความแข็งแกร่งของกล้ามเนื้อ ก่อให้เกิดความแข็งแรงและความอดทนอีกด้วย
4 ) การเล่นตะกร้อสามารถเล่นคนเดียวก็ได้ หรือ ถ้ามีผู้เล่นมากขึ้นก็สามารถปรับการเล่นได้ตามความเหมาะสม อันตรายจากการเล่นตะกร้อนั้นมีน้อยมาก เพราะจะไม่มีการปะทะหรือถูกต้องตัวกันระหว่างผู้เล่นด้วยกันเอง หรือแม้แต่อุปกรณ์การเล่น ก็มิได้ทำให้เกิดอันตราย ถ้าผู้เล่นรู้จักสังเกตว่ามีอุปกรณ์ใดชำรุดก็ปรับเปลี่ยนหรือซ่อมแซมให้ พร้อมก่อนที่จะเล่น การเคลื่อน ที่ด้วยความระมัดระวังก็จะทำให้เกิดการหกล้มเสียหลักได้ยาก และการเล่นตะกร้อนั้นสามารถใช้อวัยวะได้หลายส่วน ทำให้ไม่เกิดการบอบช้ำเฉพาะส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายอีกด้วย
5 ) การเล่นตะกร้อ เป็นการฝึกให้เกิดความคล่องแคล่วว่องไว ปราดเปรียว เพราะ ต้องมีความระมัดระวังตัวและเตรียมตัวพร้อมที่จะเข้าเล่นลูกในลักษณะต่างๆ อยู่ตลอดเวลา การเคลื่อนไหวก็ต้องกระทำด้วยความรวดเร็วกระฉับกระเฉง เพื่อให้ทันกับจังหวะที่จะเล่นลูก
6 ) การเล่นตะกร้อเป็นการฝึกให้เป็นผู้ที่มีอารมณ์เยือกเย็น สุขุม รอบคอบ เพราะ การเล่นหรือการเตะลูกแต่ละครั้งจะต้องอาศัยสมาธิ และความตั้งใจอย่างแน่วแน่ ถ้าหากใจร้อนหรือลุกลี้ลุกลน การเตะแต่ละครั้งก็จะเสียไป ทำให้เล่นผิดพลาดได้บ่อยๆ ถ้าเป็นการแข่งขันก็จะพ่ายแพ้แก่คู่แข่งขันได้ง่าย
7 ) การเล่นตะกร้อเป็นการฝึกการตัดสินใจ เพราะ ก่อนการเล่นลูกทุกครั้งจะต้องมีการตัดสินใจเกี่ยวกับทิศทาง ความเร็ว ความแรงและลักษณะการหมุนของลูก ซึ่งจะเป็นสิ่งที่ช่วยในการตัดสินใจว่าต้องเล่นลูกด้วยท่าใด ส่งลูกไปยังทิศทางใด การกะระยะส่งลูก เป็นต้น
8 ) การเล่นตะกร้อจะช่วยประสานหน้าที่ของอวัยวะในร่างกายให้มีระบบการทำงานดีขึ้น และเป็นการฝึกประสาทได้เป็นอย่างดี เพราะการเล่นลูกแต่ละครั้งต้องอาศัยระหว่างความสัมพันธ์ ระหว่างประสาทกับกล้ามเนื้อ และอวัยวะต่างๆ เพื่อทำให้การเตะและการเล่นลูกเป็นไปอย่างราบรื่น นิ่มนวลและได้จังหวะ ทั้งจะต้องมีปฏิภาณไหวพริบ มีการแก้ไขปัญหาตลอดเวลาที่เล่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการเล่นเพื่อแข่งขัน จะต้องมีการวางแผนการเล่นโดยอาศัยปัจจัยหลายประการ เนื่องจากการแข่งขันจะชี้ได้ว่าใครมีเชาว์ปัญญา ปฏิภาณไหวพริบดีกว่าหรือมากกว่ากัน
9 ) การเล่นตะกร้อก่อให้เกิดความสนุกสนานเพลิดเพลิน ช่วยผ่อนคลายความตึงเครียดทั้งผู้เล่นและผู้ชม การ ร่วมวงเล่นตะกร้อมักจะมีการส่งเสียงแสดงความดีใจพอใจตลอดเวลาในการเล่น หรือการเตะท่าพลิกแพลงต่างๆ ของผู้เข้าร่วมวงอยู่เสมอ จึงก่อให้เกิดความสามัคคีระหว่างผู้เล่นด้วยกัน รู้จักหน้าที่รับผิดชอบและให้โอกาสแก่ผู้อื่น เกิดมนุษยสัมพันธ์ที่ดีมีความเข้าอกเข้าใจ รู้นิสัยใจคอกันดีขึ้น ยอมรับผิดและให้อภัยกันเสมอ นับเป็นการช่วยส่งเสริมให้เข้าสังคมได้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย
10 ) การเล่นตะกร้อนั้นเล่นได้ไม่จำกัดเวลา คือจะเล่นเวลาใดก็ได้ตามความประสงค์ของผู้เล่น ทั้งระยะเวลาในการเล่นก็ไม่กำหนดขึ้นอยู่กับความเหมาะสมและความพอใจของผู้เล่น
11 ) กีฬาตะกร้อเล่นได้ไม่จำกัดสถานที่ อาจจะเป็นในร่มหรือกลางแจ้ง ทั้งสภาพของสนามก็ไม่เป็นอุปสรรคมากมายนัก ขนาดของสนามก็ยืดหยุ่นได้ไม่ตายตัวเหมือนกีฬาอื่น ๆ
12 ) ตะกร้อเป็นกีฬาที่เหมาะสมกับบุคคลทุกเพศทุกวัย เพราะ เป็นกีฬาที่ไม่หนักหรือเบาจนเกินไป สามารถปรับการเล่นตามความสามารถและกำลังของผู้เล่นได้ ทั้งในด้านทักษะก็มีหลายระดับชั้น ซึ่งดูเหมือนจะท้าทายและจูงใจผู้เล่นไม่รู้จบสิ้น ผู้เล่นสามารถพัฒนาทักษะไปตามวัย นอกจากนั้นอาจเล่นเพื่อความสวยงาม เพื่อการออกกำลังกาย เพื่อการแสดง หรือเพื่อการแข่งขันก็ได้
1 ) ตะกร้อเป็นกีฬาที่ประหยัด ลงทุนน้อยแต่เล่นได้หลายคน คุ้มค่าเงิน สามารถร่วมทุนกันคนละเล็กละน้อยหรือผลัดกันซื้อก็ได้ ทั้งลูกตะกร้อก็มีความทนทาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้ารู้จักใช้และรู้จักเก็บรักษาให้ดี
2 ) การเล่นตะกร้อเป็นการใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ ทำ ให้จิตใจสดชื่นแจ่มใสและที่สำคัญผู้ที่เล่นตะกร้อยังได้ชื่อว่าเป็นผู้หนึ่ง ที่ส่งเสริมกีฬาศิลปะและวัฒนธรรมไทย ซึ่งถือได้ว่าเป็นการรักษาเอกลักษณ์ของชาติอีกด้วย
3 ) การเล่นตะกร้อยังเป็นพื้นฐานของการเล่นกีฬาปะเภทอื่นได้เป็นอย่างดี เพราะ ทำให้ผู้เล่นรู้จักวิธีการครอบครองลูก รู้จังหวะเข้าออก จังหวะการเตะ โดยให้มีความสัมพันธ์ระหว่างมือ เท้า อวัยวะต่างๆ ได้เคลื่อนไหวสอดคล้องกัน สร้างความแข็งแกร่งของกล้ามเนื้อ ก่อให้เกิดความแข็งแรงและความอดทนอีกด้วย
4 ) การเล่นตะกร้อสามารถเล่นคนเดียวก็ได้ หรือ ถ้ามีผู้เล่นมากขึ้นก็สามารถปรับการเล่นได้ตามความเหมาะสม อันตรายจากการเล่นตะกร้อนั้นมีน้อยมาก เพราะจะไม่มีการปะทะหรือถูกต้องตัวกันระหว่างผู้เล่นด้วยกันเอง หรือแม้แต่อุปกรณ์การเล่น ก็มิได้ทำให้เกิดอันตราย ถ้าผู้เล่นรู้จักสังเกตว่ามีอุปกรณ์ใดชำรุดก็ปรับเปลี่ยนหรือซ่อมแซมให้ พร้อมก่อนที่จะเล่น การเคลื่อน ที่ด้วยความระมัดระวังก็จะทำให้เกิดการหกล้มเสียหลักได้ยาก และการเล่นตะกร้อนั้นสามารถใช้อวัยวะได้หลายส่วน ทำให้ไม่เกิดการบอบช้ำเฉพาะส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายอีกด้วย
5 ) การเล่นตะกร้อ เป็นการฝึกให้เกิดความคล่องแคล่วว่องไว ปราดเปรียว เพราะ ต้องมีความระมัดระวังตัวและเตรียมตัวพร้อมที่จะเข้าเล่นลูกในลักษณะต่างๆ อยู่ตลอดเวลา การเคลื่อนไหวก็ต้องกระทำด้วยความรวดเร็วกระฉับกระเฉง เพื่อให้ทันกับจังหวะที่จะเล่นลูก
6 ) การเล่นตะกร้อเป็นการฝึกให้เป็นผู้ที่มีอารมณ์เยือกเย็น สุขุม รอบคอบ เพราะ การเล่นหรือการเตะลูกแต่ละครั้งจะต้องอาศัยสมาธิ และความตั้งใจอย่างแน่วแน่ ถ้าหากใจร้อนหรือลุกลี้ลุกลน การเตะแต่ละครั้งก็จะเสียไป ทำให้เล่นผิดพลาดได้บ่อยๆ ถ้าเป็นการแข่งขันก็จะพ่ายแพ้แก่คู่แข่งขันได้ง่าย
7 ) การเล่นตะกร้อเป็นการฝึกการตัดสินใจ เพราะ ก่อนการเล่นลูกทุกครั้งจะต้องมีการตัดสินใจเกี่ยวกับทิศทาง ความเร็ว ความแรงและลักษณะการหมุนของลูก ซึ่งจะเป็นสิ่งที่ช่วยในการตัดสินใจว่าต้องเล่นลูกด้วยท่าใด ส่งลูกไปยังทิศทางใด การกะระยะส่งลูก เป็นต้น
8 ) การเล่นตะกร้อจะช่วยประสานหน้าที่ของอวัยวะในร่างกายให้มีระบบการทำงานดีขึ้น และเป็นการฝึกประสาทได้เป็นอย่างดี เพราะการเล่นลูกแต่ละครั้งต้องอาศัยระหว่างความสัมพันธ์ ระหว่างประสาทกับกล้ามเนื้อ และอวัยวะต่างๆ เพื่อทำให้การเตะและการเล่นลูกเป็นไปอย่างราบรื่น นิ่มนวลและได้จังหวะ ทั้งจะต้องมีปฏิภาณไหวพริบ มีการแก้ไขปัญหาตลอดเวลาที่เล่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการเล่นเพื่อแข่งขัน จะต้องมีการวางแผนการเล่นโดยอาศัยปัจจัยหลายประการ เนื่องจากการแข่งขันจะชี้ได้ว่าใครมีเชาว์ปัญญา ปฏิภาณไหวพริบดีกว่าหรือมากกว่ากัน
9 ) การเล่นตะกร้อก่อให้เกิดความสนุกสนานเพลิดเพลิน ช่วยผ่อนคลายความตึงเครียดทั้งผู้เล่นและผู้ชม การ ร่วมวงเล่นตะกร้อมักจะมีการส่งเสียงแสดงความดีใจพอใจตลอดเวลาในการเล่น หรือการเตะท่าพลิกแพลงต่างๆ ของผู้เข้าร่วมวงอยู่เสมอ จึงก่อให้เกิดความสามัคคีระหว่างผู้เล่นด้วยกัน รู้จักหน้าที่รับผิดชอบและให้โอกาสแก่ผู้อื่น เกิดมนุษยสัมพันธ์ที่ดีมีความเข้าอกเข้าใจ รู้นิสัยใจคอกันดีขึ้น ยอมรับผิดและให้อภัยกันเสมอ นับเป็นการช่วยส่งเสริมให้เข้าสังคมได้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย
10 ) การเล่นตะกร้อนั้นเล่นได้ไม่จำกัดเวลา คือจะเล่นเวลาใดก็ได้ตามความประสงค์ของผู้เล่น ทั้งระยะเวลาในการเล่นก็ไม่กำหนดขึ้นอยู่กับความเหมาะสมและความพอใจของผู้เล่น
11 ) กีฬาตะกร้อเล่นได้ไม่จำกัดสถานที่ อาจจะเป็นในร่มหรือกลางแจ้ง ทั้งสภาพของสนามก็ไม่เป็นอุปสรรคมากมายนัก ขนาดของสนามก็ยืดหยุ่นได้ไม่ตายตัวเหมือนกีฬาอื่น ๆ
12 ) ตะกร้อเป็นกีฬาที่เหมาะสมกับบุคคลทุกเพศทุกวัย เพราะ เป็นกีฬาที่ไม่หนักหรือเบาจนเกินไป สามารถปรับการเล่นตามความสามารถและกำลังของผู้เล่นได้ ทั้งในด้านทักษะก็มีหลายระดับชั้น ซึ่งดูเหมือนจะท้าทายและจูงใจผู้เล่นไม่รู้จบสิ้น ผู้เล่นสามารถพัฒนาทักษะไปตามวัย นอกจากนั้นอาจเล่นเพื่อความสวยงาม เพื่อการออกกำลังกาย เพื่อการแสดง หรือเพื่อการแข่งขันก็ได้
ขั้นตอนการฝึกการเล่นตะกร้อด้วยข้างเท้าด้านใน
1. ผู้เล่นเตรียมรับลูกที่ลอยมา โดยยืนทรงตัวแยกขาทั้งสองข้างย่อตัวลงเล็กน้อยตามองตรงไปยังลูกตะกร้อ ยกเท้าที่จะเตะให้ข้างเท้าด้านในขนานกับพื้นแล้วเตะลูกเป็นแนวตรงและเอนตัว ไปด้านหลัง (ดังรูปที่ 1 - 2)
2. เมื่อลูกที่เตะลอยขึ้น ผู้เล่นย่อเข่าข้างที่ไม่ได้เตะ ให้เท้าที่จะใช้เตะอยู่ด้านหลังเหวี่ยงเท้าข้างที่จะเตะสัมผัสลูกด้วยข้าง เท้าด้านในเพื่อส่งลูกไปตามทิศทางที่ต้องการ
การเดาะตะกร้อด้วยหลังเท้า หมายถึง การเตะตะกร้อด้วยหลังเท้า เบาๆ ซ้ำกันหลายๆครั้ง เป็นการเตะเพื่อบังคับลูกให้อยู่ใกล้ตัวในระดับสูงเกินสะเอว หลักการฝึกเช่นเดียวกับการเตะตะกร้อด้วยหลังเท้า แต่มีข้อแตกต่างกันเพียงเล็กน้อย ซึ่งมีหลักการเตะตะกร้อด้วยหลังเท้า ดังนี้
1. การเดาะลูกด้วยหลังเท้า ปลายเท้าที่เดาะลูกจะกระดกขึ้น และลูกตะกร้อจะถูกหลังเท้าค่อนไปทางปลายเท้าบริเวณโคนนิ้วเท้าทั้งห้า ใช้ปลายเท้าตวัดลูกตะกร้อให้ลอยขึ้นมาตรง ๆ
2. ยกเท้าที่เดาะลูกให้ต่ำที่สุดเท่าที่จะทำได้
3. ขณะที่เดาะลูกควรก้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย
4. ควรฝึกเดาะลูกตะกร้อด้วยหลังเท้าให้ได้ทั้งสอง
การเดาะตะกร้อด้วยเข่า
ยืนในท่าเตรียมพร้อม มือถือลูกตะกร้อโยนแล้วเดาะด้วยเข่าข้างถนัดต่อเนื่องกันจนกว่าลูกตะกร้อจะ ตกพื้น แล้วหยิบลูกตะกร้อขึ้นมาเดาะใหม่ ปฏิบัติเหมือนเดิมหลาย ๆ ครั้ง เมื่อพิจารณาแล้วเห็นว่า การเดาะด้วยเข่าข้างที่ถนัดดีแล้ว ให้เปลี่ยนเดาะด้วยเข่าข้างที่ไม่ถนัดบ้าง หรืออาจจะสลับการเดาะด้วยเข่าทั้งสองข้างก็ได้
การเล่นตะกร้อด้วยศีรษะ
เป็นทักษะพื้นฐานที่มีความสำคัญสำหรับการเล่นกีฬาเซปักตะกร้อเป็นอย่างมาก นิยมใช้ในการเปิดลูกเสิร์ฟ การรุกด้วยศีรษะ ( การเขก ) การรับ การส่ง การชงลูก หรือการตั้งลูกตะกร้อ และการสกัดกั้นหรือการบล็อกลูกจากการรุกของฝ่ายตรงข้าม ผู้เล่นจะต้องฝึกหัดการเล่นตะกร้อด้วยศีรษะได้หลาย ๆ ลักษณะ โดยเฉพาะผู้เล่นตำแหน่งหน้าซ้ายและหน้าขวา จะต้องเล่นตะกร้อด้วยศีรษะได้เป็นอย่างดี
ประเภทของกีฬาตะกร้อ
ประเภทตะกร้อ
ประเภทของกีฬาตะกร้อ
การเล่นตะกร้อในประเทศไทยเท่าที่ปรากฏมาแต่เดิมจนถึงปัจจุบันมีอยู่ ๘ ประการด้วยกันคือ
๑. ตะกร้อวงเล็ก
๒. ตะกร้อวงใหญ่
๓. ตะกร้อเตะทน
๔. ตะกร้อพลิกแพลง
๕. ตะกร้อชิงธง
๖. ตะกร้อลอดห่วง
๗. ตะกร้อข้ามตาข่าย
๘. เซปัก – ตะกร้อ
๑. ตะกร้อวงเล็ก
๒. ตะกร้อวงใหญ่
๓. ตะกร้อเตะทน
๔. ตะกร้อพลิกแพลง
๕. ตะกร้อชิงธง
๖. ตะกร้อลอดห่วง
๗. ตะกร้อข้ามตาข่าย
๘. เซปัก – ตะกร้อ
๑.ตะกร้อวงเล็ก
ตะก้อวงนับเป็นการเริ่มแรกของรูปแบบการเล่นตะกร้อ ซึ่งอาจใช้ผู้เล่นเพียงคนเดียว เตะหรือเดาะลูก เล่นให้ลูกลอยอยู่ในอากาศและใช้อวัยวะหลายๆ ส่วนที่แตกต่างกันเตะหรือเดาะลูก โดยใช้ทั้งเท้า เข่า ศอก ศีรษะ ต่อมาอาจมีผู้เล่นเพิ่มเป็น ๒ คน มีการโยนให้ผู้ยืนอยู่ตรงข้ามเตะโต้กันเป็นเวลานานๆ โดยทั่วไปแล้วผู้เตะมักจะเตะลูกที่ตนถนัด เช่น ลูกแป ลูกหลังเท้า ลูกโหม่ง เป็นต้น การเล่นตะกร้อวงเล็กนั้นจะเล่นในบริเวณที่แคบๆ เช่น บนโต๊ะ หรือสนามซึ่งเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ ๒ – ๓ เมตร
๒. ตะกร้อวงใหญ่
ลักษณะและรูปแบบการเล่นเหมือนกับการเล่นตะกร้อวงเล็ก ต่างกันตรงที่สถานที่เล่นและจำนวนผู้เล่น กล่าวคือ ตะกร้อวงใหญ่จะเล่นในสนามเรียบมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ ๘ – ๑๔ เมตร ซึ่งอยู่กับผู้เล่นว่าจะมีจำนวนเท่าใด โดยปกแล้วจะมีผู้เล่นตั้งแต่ ๕ – ๘ คน ท่าทางการเล่นนั้นก็มีลักษณะเช่นเดียวกับการเล่นตะกร้อวงเล็ก แต่ตะกร้อวงใหญ่ต้องออกแรงเตะลูกหรือส่งลูกมากกว่า มิฉะนั้นตะกร้อจะไม่ถึงผู้รับ ผู้เล่นต้องระมัดระวังจังหวะการเล่น ท่าทางต่างๆ ตลอดจนน้ำหนักหรือแรงเหวี่ยงให้เหมาะสม
๓. ตะกร้อเตะทน
ตะกร้อเตะทนหรือตะกร้อวงเตะทน มักนิยมเล่นแข่งขันกันเป็นทีม จึงควรศึกษาไว้เพื่อนำไปเล่นกันต่อไป
๔. ตะกร้อพลิกแพลง
ตะกร้อพลิกแพลง หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “การติดตะกร้อ” การเล่นตะกร้อแบบนี้ผู้เล่นต้องมีความชำนาญเป็นอย่างดี เพราะลูกที่ผู้เตะจะเตะแต่ละท่า ดัดแปลงมาจากท่าธรรมดา การเล่นตะกร้อพลิกแพลงนี้ส่วนมากไม่ทำการแข่งขัน เป็นเพียงเล่นกันเพื่ออวดลวดลายในการเตะเพื่อดูกันแปลกๆ และเพื่อความสนุกสนานเพลิดเพลินกันเท่านั้น วิธีเล่นก็ตั้งวงเหมือนตะกร้อวง แต่ไม่ต้องขีดเส้นเหมือนตะกร้อวง ผู้เล่นจะมีตั้งแต่ ๒ – ๘ คน แต่ละคนก็จะเตะหรือใช้กระบวนท่าส่งลูกไปยังคู่ ซึ่งคู่โต้ก็จะแสดงท่าพลิกแพลงต่างๆ ในลักษณะที่เรียกกันว่า “ติดตะกร้อ” สักระยะเวลาหนึ่งแล้วก็จะส่งกลับไปยังผู้เล่นอื่นบ้าง ซึ่งผู้เล่นร่วมวงคนอื่นก็จะแสดงท่าพลิกแพลงที่แตกต่างกันออกไปอีก เช่น รับลูกตะกร้อที่ส่งมาด้วยหลังเท้าแล้วเตะลูกไม่ให้ตก จากนั้นก็เตะส่งลูกขึ้นไปติดค้างกับส่วนต่างๆ ของร่างกาย เช่น ข้อพับ ขาหนีบ ซอกคอ ต้นคอ หน้าขา หรือสงบนิ่งอยู่บนหลังเท้าและเมื่อได้จังหวะอีกก็เตะลูกใหม่ไปติดค้างอยู่ตามร่างกายส่วนอื่นๆ ได้อีก ผู้เล่นที่ชำนาญจะติดตะกร้อได้ตั้งแต่หนึ่งลูก ไปจนถึง ๑๗ ลูกก็มี
๕. ตะกร้อชิงธง
ตะกร้อชิงธงหรือตะกร้อเตะช่วงชัย เป็นการแข่งขันตะกร้ออีกวิธีหนึ่ง คล้ายการแข่งขันวิ่งวัวหรือวิ่งเร็ว โดยขีดเส้นด้วยปูนขาวลงบนพื้น ทำเป็นช่องทางกว้างประมาณ ๓ เมตร ยาวประมาณ ๕๐ เมตร เมื่อผู้เข้าแข่งขันยืนประจำที่เส้นเริ่มต้น จากนั้นเมื่อได้ยินสัญญาณให้เลี้ยงตะกร้อด้วยอวัยวะส่วนต่างๆ ของร่างกาย ยกเว้นมือ โดยพยายามพาลูกตะกร้อไปยังปลายทาง ซึ่งมีเส้นชัย มีธงปักไว้เป็นเครื่องหมาย ถ้าผู้เล่นคนใดสามารถเลี้ยงตะกร้อโดยไม่ออกนอกลู่ และไม่ตกพื้นจนกระทั่งถึงเส้นชัยก่อนจะเป็นผู้ชนะการแข่งขัน
๖. ตะกร้อลอดห่วง
ตะกร้อลอดห่วง มักเรียกวันหลายชื่อ เช่น ตะกร้อลอดบ่วง ตะกร้อห่วงชัย หลวงมงคลแมน ( สังข์ บูรณะศิริ ) เป็นผู้ริเริ่มคิดขึ้นราวช่วง พ.ศ. ๒๔๗๐ – ๒๔๗๕ เริ่มมีการแข่งขึ้นครั้งแรกราว พ.ศ. ๒๔๗๖ ตะกร้อลอดห่วงมีผู้เล่น ๗ คน สำรอง ๓ คน สนามสำหรับสำหรับแข่งเป็นพื้นราบอยู่ในร่มหรือกลางแจ้งก็ได้ ในขณะที่เล่นจะเปลี่ยนตัวผู้เล่นไม่ได้ จะเปลี่ยนได้ในคราวแข่งขันคราวต่อไป มีลวดสปริงขึงไว้ระหว่างเสาทั้งสองต้นซึ่งห่างกันประมาณ ๒๐ เมตร ลวดสปริงที่ขึงนั้นสูงจากพื้น ๘ เมตร มีรอกสำหรับแขวนห่วง ๑ ตัว อยู่กึ่งกลางลวดสปริงห่วงชัยประกอบด้วยวงกลม ๓ ห่วง ขนาดเท่ากัน จะทำด้วยโลหะ หวาย หรือไม้ก็ได้ ขอบล่างของห่วงต้องได้ระดับ สูงจากพื้นสนาม ๕.๗๕ เมตร เวลาลูกตะกร้อเข้าห่วง ให้หย่อนลงมาเพื่อนะลูกตะกร้อจากถุงห่วงและโยนขึ้นเล่นใหม่ มีผู้ชักรอก ๑ คน ใช้เวลาในการแข่งขันครั้งละ ๕๐ นาที ไม่มีพัก ผู้เล่นทั้ง ๗ คน ยืนเป็นวงห่างกันพอสมควร การเตะลูกตะกร้อเข้าห่วงทำได้ทุกคนจะเตะลูกตะกร้อท่าใดก็ได้และมีคะแนนให้ทุกท่าและทุกลูกที่เข้าห่วง โดยให้คะแนนตามความยากง่ายของแต่ละท่า คณะตะกร้อชุดใดได้คะแนนมากในเวลาที่กำหนดเป็นฝ่ายชนะ
รายละเอียดเกี่ยวกับกติกาการแข่งขันตะกร้อลอดห่วง ศึกษาได้จากสมาคมกีฬาไทยพระบรมราชูปถัมภ์ และสมาคมตะกร้อแห่งประเทศไทย หรือที่สำนักงานการกีฬาแห่งประเทศไทย ทุกแห่ง
รายละเอียดเกี่ยวกับกติกาการแข่งขันตะกร้อลอดห่วง ศึกษาได้จากสมาคมกีฬาไทยพระบรมราชูปถัมภ์ และสมาคมตะกร้อแห่งประเทศไทย หรือที่สำนักงานการกีฬาแห่งประเทศไทย ทุกแห่ง
๗. ตะกร้อข้ามตาข่าย
การเล่นตะกร้อข้ามตาข่ายแบบไทยนี้ เนื่องจากมีนักตะกร้อและนักแบดมินตันบางท่าน ซึ่งมี หลวงสำเร็จวรรณกิจ ขุนจรรยาวิฑิต นายผล ผลาสินธุ์ และนายยิ้ม ศรีหงส์ เป็นคณะผู้ริเริ่มขึ้นเป็นครั้งแรก เมื่อ พ.ศ. ๒๔๗๒ โดยพยายามการเล่นตะกร้อกับแบดมินตันเข้าด้วยกันและเรียกกีฬาใหม่นี้ว่า “ตะกร้อข้ามตาข่าย” โดยมีการนับคะแนนแบบแบดมินตัน จนถึง พ.ศ. ๒๔๗๕ สมาคมกีฬาสยามซึ่งเป็นชื่อสมาคมในสมัยนั้น บัดนี้เปลี่ยนชื่อเป็นสมาคมกีฬาไทย ได้ขอให้หลวงคุณวิชาสนอง ร่างกติกาตะกร้อข้ามตาข่ายขึ้น และ พ.ศ. ๒๔๗๖ จึงจัดให้มีการแข่งขันตะกร้อข้ามตาข่ายระหว่างประชาชนขึ้นเป็นครั้งแรกในงานฉลองรัฐธรรมนูญ ประจำปี พ.ศ. ๒๔๗๖ ปรากฏว่าต่อมามีผู้นิยมเล่นกันมากและแพร่หลายกันมากขึ้นตามลำดับ จนถึง พ.ศ. ๒๔๗๙ กรมพลศึกษาจึงจัดให้มีการแข่งขันตะกร้อข้ามตาข่ายระหว่างนักเรียนขึ้นเป็นครั้งแรก
๘. เซปักตะกร้อ
เซปักตะกร้อหรือตะกร้อข้ามตาข่ายแบบสากล เป็นกีฬาที่ได้พัฒนามาจนเป็นที่แพร่หลายไปเกือบทั่วโลก ประเทศมาเลเซียเป็นผู้คิดค้นกติกาการเล่น ซึ่งลักษณะการเล่นเซปักตะกร้อคล้ายกับการเล่นตะกร้อข้ามตาข่ายของไทย แต่ต่างกันตรงรูปแบบ สนาม การเล่นลูก การนับคะแนน และกติกาการแล่น
ในปี พ.ศ. ๒๕๐๘ ในช่วงฤดูการแข่งขันกีฬาไทย ซึ่งมีการแข่งขันว่าว กระบี่กระบอง และตะกร้อ โดยสมาคมกีฬาไทย ณ ท้องสนามหลวง ราวเดือนมีนาคมและเมษายน ในปีนี้สนามคมตะกร้อจากปีนัง ประเทศมาเลเซีย ได้เชื่อมความสัมพันธ์เพื่อแลกเปลี่ยนศิลปวัฒนธรรมซึ่งกันและกัน ได้มีการแข่งขันตะกร้อของทั้งสองประเทศ นักกีฬาทีมชาติไทยมีความถนัดในการเล่นตะกร้อแบบกติกาไทย ส่วนนักกีฬาทีมชาติมาเลเซีย มีความถนัดในการเล่นตะกร้อแบบกติกามาเลเซีย คณะกรรมการจัดการแข่งขัน จึงได้กำหนดกติกาในการแข่งขันทั้งสองแบบ ผลการแข่งขันตะกร้อแบบกติกาไทย ปรากฏว่านักกีฬาทีมชาติไทยชนะนักกีฬาทีมชาติมาเลเซียสองเซตรวด ส่วนการแข่งขันแบบกติกามาเลเซีย ปรากฏว่านักกีฬาทีมชาติไทยแพ้นักกีฬาทีมชาติมาเลเซียสิงเซตรวดเช่นเดียวกัน
ภายหลังการแข่งขันตะกร้อครั้งนั้น คณะผู้ประสานงานกีฬาตะกร้อของทั้งสองประเทศ ได้มีการประชุมเพื่อปรึกษาหารือในการเผยแพร่กีฬาชนิดนี้ให้กว้างขวางเป็นที่นิยมต่อนาอารยประเทศ จึงได้ตกลงร่วมกันกำหนดชื่อกีฬานี้ขึ้นใหม่ ซึ่งทั้งสองประเทศนี้ใช้ชื่อไม่เหมือนกัน ประเทศไทยใช้ชื่อว่า “กีฬาตะกร้อ” ส่วนมาเลเซียใช้ชื่อว่า “ซีปัก รากา” ซึ่งคำว่า รากา นั้น แปลว่าตะกร้อนั้นเอง คณะกรรมการประสานงานหรือสมาคมกีฬาของทั้งสองประเทศ จึงได้นำคำว่า SEPAK ของมาเลเซีย มารวมกับคำว่า ตะกร้อ ของประเทศไทย รวมเป็นคำว่า SEPAK – TAKRAW หรือ เซปักตะกร้อมาตราบเท่าทุกวันนี้ และกีฬาเซปักตะกร้อได้บรรจุเข้าในการแข่งขันกีฬาแหลมทอง ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย และบรรจุเข้าแข่งขันในกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ เมื่อ พ.ศ. ๒๕๓๓ ที่กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน
ในปี พ.ศ. ๒๕๐๘ ในช่วงฤดูการแข่งขันกีฬาไทย ซึ่งมีการแข่งขันว่าว กระบี่กระบอง และตะกร้อ โดยสมาคมกีฬาไทย ณ ท้องสนามหลวง ราวเดือนมีนาคมและเมษายน ในปีนี้สนามคมตะกร้อจากปีนัง ประเทศมาเลเซีย ได้เชื่อมความสัมพันธ์เพื่อแลกเปลี่ยนศิลปวัฒนธรรมซึ่งกันและกัน ได้มีการแข่งขันตะกร้อของทั้งสองประเทศ นักกีฬาทีมชาติไทยมีความถนัดในการเล่นตะกร้อแบบกติกาไทย ส่วนนักกีฬาทีมชาติมาเลเซีย มีความถนัดในการเล่นตะกร้อแบบกติกามาเลเซีย คณะกรรมการจัดการแข่งขัน จึงได้กำหนดกติกาในการแข่งขันทั้งสองแบบ ผลการแข่งขันตะกร้อแบบกติกาไทย ปรากฏว่านักกีฬาทีมชาติไทยชนะนักกีฬาทีมชาติมาเลเซียสองเซตรวด ส่วนการแข่งขันแบบกติกามาเลเซีย ปรากฏว่านักกีฬาทีมชาติไทยแพ้นักกีฬาทีมชาติมาเลเซียสิงเซตรวดเช่นเดียวกัน
ภายหลังการแข่งขันตะกร้อครั้งนั้น คณะผู้ประสานงานกีฬาตะกร้อของทั้งสองประเทศ ได้มีการประชุมเพื่อปรึกษาหารือในการเผยแพร่กีฬาชนิดนี้ให้กว้างขวางเป็นที่นิยมต่อนาอารยประเทศ จึงได้ตกลงร่วมกันกำหนดชื่อกีฬานี้ขึ้นใหม่ ซึ่งทั้งสองประเทศนี้ใช้ชื่อไม่เหมือนกัน ประเทศไทยใช้ชื่อว่า “กีฬาตะกร้อ” ส่วนมาเลเซียใช้ชื่อว่า “ซีปัก รากา” ซึ่งคำว่า รากา นั้น แปลว่าตะกร้อนั้นเอง คณะกรรมการประสานงานหรือสมาคมกีฬาของทั้งสองประเทศ จึงได้นำคำว่า SEPAK ของมาเลเซีย มารวมกับคำว่า ตะกร้อ ของประเทศไทย รวมเป็นคำว่า SEPAK – TAKRAW หรือ เซปักตะกร้อมาตราบเท่าทุกวันนี้ และกีฬาเซปักตะกร้อได้บรรจุเข้าในการแข่งขันกีฬาแหลมทอง ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย และบรรจุเข้าแข่งขันในกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ เมื่อ พ.ศ. ๒๕๓๓ ที่กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน
วันพฤหัสบดีที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2559
ใบงานเรื่อง กิจกรรมนันทนาการ
ใบงานวิชาพลศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 เรื่อง
กิจกรรมนันทนาการ
ชื่อ...................................................................................ชั้น................................เลขที่...........................
นันทนาการ หมายถึง...............................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................
ประเภทของกิจกรรมนันทนาการ
1...............................................ตัวอย่าง...........................................................................................................................
2...............................................ตัวอย่าง...........................................................................................................................
3...............................................ตัวอย่าง...........................................................................................................................
4...............................................ตัวอย่าง...........................................................................................................................
5...............................................ตัวอย่าง...........................................................................................................................
6...............................................ตัวอย่าง...........................................................................................................................
7...............................................ตัวอย่าง...........................................................................................................................
ประโยชน์ของกิจกรรมนันทนาการ
1.......................................................................................................................................................................................
2.......................................................................................................................................................................................
3.......................................................................................................................................................................................
4.......................................................................................................................................................................................
5.......................................................................................................................................................................................
6.......................................................................................................................................................................................
7.......................................................................................................................................................................................
**********************************
กิจกรรมนันทนาการที่ฉันชอบ
ชื่อกิจกรรม....................................................
ภาพกิจกรรม
|
ส่งงานทาง Facebook ม.สุเทพ ทองขาว (เทพฤทธิ์ ศิษย์หามลง)
สนาม และตำแหน่งผู้เล่นกีฬาวอลเลย์บอล
สนาม[แก้]
- ขนาดสนาม ยาว 18 เมตร กว้าง 9 เมตร ถูกแบ่งออกเป็น 2 ฝั่งแดนด้วยตาข่าย ทำให้เกิดพื้นที่แดนละ 9×9 เมตร
- พื้นที่โล่ง พื้นที่โล่งเหนือสนามควรสูงอย่างน้อย 7 เมตร แต่แนะนำที่สูง 8 เมตร ส่วนพื้นที่โล่งรอบสนามควรกว้างอย่างน้อย 3 เมตรขึ้นไป ในการแข่งขันระดับโลกหรือที่เป็นทางการมักกำหนดพื้นที่โล่งเหนือสนามที่ 12.5 เมตร ด้านข้าง 5 เมตร ด้านหลัง 6.5 เมตร
- สีพื้นสนาม สีพื้นสนามต้องเป็นสีอ่อนและสีแตกต่างกับพื้นที่โล่งรอบสนาม
- ตาข่าย กว้าง 1 เมตร ขึงเหนือเส้นกลางสนาม แถบบนของตาข่ายกว้าง 7 ซม.
- ประเภทชาย ส่วนบนของตาข่ายจะสูงจากพื้นสนาม 2.43 เมตร (8 ฟุต)
- ประเภทหญิง ส่วนบนของตาข่ายจะสูงจากพื้นสนาม 2.24 เมตร (7 ฟุต 4 นิ้ว)
- เส้นขอบสนาม เป็นเส้นสีขาวรอบพื้นที่สนาม กว้าง 2 นิ้ว (5 ซม.) ประกอบด้วยเส้นข้างและเส้นหลัง ถือเป็นเส้นแสดงขอบเขตและเป็นส่วนหนึ่งของพื้นที่สนาม หากบอลตกบนเส้นนี้จะถือว่าลงพื้นที่ในสนาม
- เส้นรุก หรือเส้น 3 เมตร เป็นเส้นที่ขนานกับตาข่าย โดยห่างจากตาข่าย 3 เมตรทั้งสองแดน เส้นนี้จะแบ่งแดนแต่ละฝั่งออกเป็นแดนหน้ากับแดนหลัง เป็นเส้นกำหนดขอบเขตการโจมตีของผู้เล่นแดนหลัง
- เส้นจำกัดขอบเขตผู้ฝึกสอน เป็นเส้นประที่วาดต่อจากเส้นรุกออกไปด้านข้างยาว 1.75 เมตร แล้วจึงลากตั้งฉากโดยขนานไปกับเส้นข้างจนสุดเส้นหลังของสนาม
- เสาอากาศ เป็นเสาที่ติดอยู่ข้างตาข่ายทั้ง 2 ด้านและอยู่เหนือเส้นข้างของสนาม เสาสูง 1.8 เมตร เส้นผ่านศูนย์กลาง 10 มม. เสาอากาศมักมีแถบสีแดงสลับขาว เสาอากาศจะยื่นขึ้นไปด้านบนนับจากด้านบนตาข่าย 80 ซม. เพื่อแสดงสมมติฐานแนวเพดานของเส้นข้าง บอลจะข้ามตาข่ายอย่างถูกต้องก็ต่อเมื่อบอลผ่านระหว่างเสาอากาศทั้ง 2 ด้านและไม่สัมผัสโดนเสาอากาศ
- อุณหภูมิ อุณหภูมิภายในสนามไม่ควรต่ำกว่า 10 องศาเซลเซียส ส่วนการแข่งขันระดับโลกหรือที่เป็นทางการมักกำหนดอุณหภูมิอยู่ในช่วง 16–25 องศาเซลเซียส
- แสง การแข่งขันระดับโลกหรือที่เป็นทางการมักกำหนดที่ 1,000–1,500 ลักซ์โดยวัดที่ระดับจากพื้นสนามขึ้นมา 1 เมตร
บอล[แก้]
สหพันธ์วอลเลย์บอลระหว่างประเทศ กำหนดว่าบอลต้องมีลักษณะทรงกลม ทำจากหนังหรือหนังสังเคราะห์ มีเส้นรอบวง 65–67 ซม. หนัก 260–280 กรัม และแรงดันภายใน 0.30–0.325 กก./ตร.ซม. โดยอาจเป็นสีเดียวหรือหลากสีประกอบกัน
ผู้เล่น[แก้]
ผู้เล่นในสนามมี 2 ทีม ทีมละ 6 คน แดนหลังประกอบด้วยผู้เล่นในตำแหน่งที่ 5, 6 และ 1 ส่วนแดนหน้าประกอบด้วยผู้เล่นในตำแหน่งที่ 4, 3 และ 2 โดยนับจากซ้าย(ดังรูป) ตำแหน่งที่ 1 คือ ตำแหน่งผู้เล่นเสิร์ฟ
- ตัวตั้ง หรือ ตัวเซ็ต (Setter) มักต่อบอลในบอลที่สองโดยการตั้งบอลไปยังตัวรุกเพื่อทำคะแนน ตัวเซ็ตต้องมีลักษณะที่ปราดเปรียวว่องไว ไหวพริบดี มียุทธวิธีในการเลือกตัวรุกเพื่อทำคะแนน
- ตัวบล็อกกลาง หรือ ตัวตีกลาง (Middle blocker / Middle hitter) คือผู้เล่นที่สามารถรุกได้อย่างรวดเร็วโดยมักอยู่ใกล้ตัวเซ็ต รวมทั้งมีการบล็อกที่ดี นอกจากนี้ยังต้องสามารถขึ้นบล็อกคู่ด้านข้างของสนามได้เป็นอย่างดี แต่ละทีมมักจะมีผู้เล่นตำแหน่งนี้ 2 คน
- ตัวตีด้านนอก หรือ ตัวตีด้านซ้าย (Outside hitter / Left side hitter) บางครั้งเรียกว่า ตัวตีหัวเสา ทำหน้าที่บุกจากเสาอากาศด้านซ้าย มักจะเป็นตัวตบที่คงเส้นคงวาที่สุดของทีมและมักจะได้บอลจากตัวเซ็ตมากที่สุด กรณีรับบอลแรกไม่เข้าจุด ตัวเซ็ตจำเป็นต้องเซ็ตลูกโด่ง ท้ายที่สุดมักจะเซ็ตบอลมาให้ตำแหน่งนี้ แต่ละทีมมักจะมีผู้เล่นตำแหน่งนี้ 2 คน
- ตัวตีตรงข้าม หรือ ตัวตีด้านขวา (Opposite hitter / Right side hitter) รับหน้าที่เป็นแนวหน้าปกป้องเกมรุกของคู่แข่งเป็นหลัก อยู่บริเวณเสาอากาศด้านขวา โดยคอยบล็อกตัวตีด้านซ้ายของคู่แข่ง และยังเป็นดั่งตัวเซ็ตสำรองด้วย
- ตัวรับอิสระ หรือ ลิเบโร (Libero) คือผู้เล่นที่ชำนาญเกมรับเป็นพิเศษและไม่จำเป็นต้องตัวสูง ถือเป็นตัวที่ต่อบอลได้ดีที่สุดของทีม และจะต้องสวมชุดที่ต่างจากผู้เล่นคนอื่นในทีม ลิเบโรไม่มีสิทธิ์บล็อกหรือตีบอลขณะบอลอยู่เหนือตาข่ายได้ เมื่อเกมหยุด ลิเบโรสามารถเปลี่ยนตัวกับผู้เล่นแดนหลังได้โดยไม่ต้องแจ้งผู้ตัดสินและจะไม่นับรวมว่าเป็นการเปลี่ยนตัวของทีม ลิเบโรสามารถเซ็ตบอลเหนือศีรษะคล้ายตัวเซ็ตได้ก็ต่อเมื่อยืนอยู่หลังเส้นรุกเท่านั้น นอกจากนี้ลิเบโรไม่มีสิทธิ์เสิร์ฟบอล (ยกเว้นในบางองค์กร เช่น NCAA อนุญาตให้เสิร์ฟได้)
ตำแหน่งผู้เล่นกีฬาฟุตบอล
ผู้รักษาประตูกีฬาฟุตบอลนั้น เป็นกีฬาที่ผู้เล่นทุกคนจะใช้เท้า, ส่วนของขา และหัว ในการเล่นบอล โดยที่ผู้เล่นจะ
ไม่อนุญาตให้ใช้มือหรือแขนในการหยิบ เคาะ ปัด หรือสัมผัสบอลเป็นอันขาด แต่ผู้รักษาประตูสามารถ
ทำได้ (ในกรอบที่จำกัดเท่านั้น ซึ่งในสนามฟุตบอลจะมีการตีกรอบให้เห็น เรียกว่า กรอบเขตโทษ
ถ้าอยู่นอกเขตโทษผู้รักษาประตูก็จะไม่สามารถใช้มือได้เหมือนผู้เล่นคนอื่นๆ) การแต่งกายของผู้รักษา
ประตูนั้นสามารถแต่งกายยังไงก็ได้ตามอิสระ (กติกาบอกเพียงแต่ว่า ผู้รักษาประตูให้ใส่เสื้อสีอะไรก็ได้
ที่ไม่เหมือนกับสีของผู้เล่นทั้ง 2 ฝ่าย) สามารถที่จะใส่กางเกงขายาว หรือหมวกได้ แต่ยังไงก็ตามเครื่อง
แต่งกายที่ผู้รักษาประตูนิยมใส่กันคือถุงมือ (จริงๆ แล้วไม่มีกติกาบังคับว่าผู้รักษาประตูต้องใส่ถุงมือ
แต่ถุงมือเป็นอุปกรณ์ที่ดีในการช่วยลดการบาดเจ็บของมือและนิ้วในขณะรับลูก)ตาม กฏกติกาของฟุตบอลนั้นกำหนดไว้ว่า ทีมๆ หนึ่งสามารถส่งผู้เล่นลงสนามได้ไม่เกิน 11 คน และ
ต้องไม่ต่ำกว่า 7 คน ซึ่งหนึ่งในนั้นบังคับว่าต้องเป็นผู้รักษาประตู และในทีมๆ หนึ่งห้ามส่งผู้เล่นทำหน้าที่ เป็นผู้รักษาประตูในสนามเกิน 1 คน และเวลาที่ผู้เล่นบาดเจ็บหนัก ถ้าเป็นผู้เล่นโดยทั่วๆ ไปบาดเจ็บจะ ถูกแพทย์สนามหามออกนอกสนามแล้วหลังจากที่ผู้เล่นนั้นถูกหามออก นอกสนามเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เกมจะดำเนินต่อไป แต่ในกรณีของผู้รักษาประตูเจ็บหนักนั้นกรรมการจะเป่าหยุดเกมแล้วจึงปฐม พยาบาล ถ้าผู้รักษาประตูที่บาดเจ็บเล่นไหวเกมจึงจะดำเนินต่อ ถ้าไม่ไหวจึงจะมีการเปลี่ยนตัวจากที่ บอกไว้ว่า แต่ละทีมต้องมีผู้รักษาประตูลงสนามเสมอ ในกรณีที่ผู้รักษาประตูเจ็บหนักไม่สามารถลงเล่น ต่อได้ต้องเปลี่ยนตัวให้ผู้ รักษาประตูสำรองลงสนามแทน (ในรายชื่อตัวสำรองตามปกติผู้จัดการทีมจะ ใส่ชื่อผู้รักษาประตูเอาไว้ด้วย เสมอ) ถ้าเกิดกรณีฉุกเฉินจริงๆ เช่น ในทีมใช้โควต้าเปลี่ยนตัวผู้เล่นจน ครบโควต้าแล้วเกิดเหตุการณ์ที่ผู้รักษา ประตูในทีมเจ็บหนักหรือถูกใบแดงไล่ออกจากสนาม ในทีมก็จะ มีการแต่งตั้งผู้เล่นคนหนึ่งในสนามเป็นผู้รักษาประตูแทน (ในภาษาฟุตบอลเรียกว่า ผู้รักษาประตูจำเป็น) เซ็นเตอร์แบ็คเซ็นเตอร์แบ็ค (Center back) คือกองหลังตัวกลาง ที่คอยป้องกันการบุกของผู้เล่นทีมคู่ต่อสู้โดยเฉพาะกองหน้า ทีมส่วนมากนิยมใช้เซ็นเตอร์แบ็ค 2 คนยืนประจำอยู่หน้าผู้รักษาประตู กลยุทธที่นิยมใช้ในการป้องกันของเซ็นเตอร์แบ็คคือ การป้องกันแบบโซน (แต่ละคนมีพื้นที่ รับผิดชอบ) และการมาร์คตัว (แต่ละคนรับหน้าที่ประกบกองหน้าคู่ต่อสู้แบบเจาะจงตัว) เซ็นเตอร์แบ็คส่วนใหญ่มีรูปร่างสูง และมีทักษะในการโหม่ง การประกบ ในบางครั้งเซ็นเตอร์ แบ็คที่มีรูปร่างสูงใหญ่อาจขึ้นไปช่วยโหม่งทำประตู เมื่อทีมได้ลูกตั้งเตะ เช่น ลูกเตะคอร์เนอร์ หรือ ฟรีคิกเดิมทีตำแหน่งนี้ถูกเรียกว่า เซ็นเตอร์ฮาล์ฟ (Center half) เนื่องจากในช่วงก่อนศตวรรษที่ 20 ทีมส่วนมากนิยมใช้แผนการเล่นแบบ 2-3-5 โดยผู้เล่นกองหลัง 3 คนสุดท้ายจะเรียกว่า เซ็นเตอร์ฮาล์ฟ ตัวอย่างเซ็นเตอร์แบ็คที่มีชื่อเสียงทั้งในอดีตและยังเล่นอยู่ ได้แก่ ฟาบิโอ คันนาวาโร, เปาโล มัลดีนี, อเลสซานโดร เนสตา, จอห์น เทอร์รี, ลิลียง ตูราม, ลูซิโอ, การ์เลส ปูยอล, วิลเลียม กัลลาส และริโอ เฟอร์ดินานด์ เป็นต้น ฟูลแบ็คฟูลแบ็ค (Full back) เป็นตำแหน่งในการป้องกันด้านกว้าง โดยยืนอยู่แต่ละข้างของขอบสนามหน้าที่หลักคือการสกัดการส่งผ่านบอลของฝ่ายตรงข้ามเข้าสู่เขตโทษ ฟูลแบ็คส่วนใหญ่จะมี บทบาทในเกมรุก โดยขึ้นไปทางปีก และส่งผ่านบอลเข้าสู่เขตโทษของฝ่ายตรงข้าม ในระบบ 2-3-5 ผู้เล่นกองหลังอีก 2 คนที่ไม่ใช่เซ็นเตอร์แบ็คจะเรียกว่า "ฟูลแบ็ค" และถูกเรียก ต่อมาจนถึงปัจจุบัน ตัวอย่างฟูลแบ็คที่มีชื่อเสียงและยังเล่นอยู่ได้แก่ โรแบร์โต คาร์ลอส, แอชลีย์ โคล, แกรี เนวิลล์, จานลูก้า ซามบรอตต้า เป็นต้น วิงแบ็ควิงแบ็ค (Wing back) เป็นรูปแบบหนึ่งของฟูลแบ็ค โดยเน้นบทบาทในเกมบุกมากกว่าเดิม ชื่อวิงแบ็คนั้นเกิดจากการผสมกันของ "วิง" (ปีก) และ "แบ็ค" (กองหลัง) เดิมนิยมใช้ในระบบ 3-5-2 และถูกนับเป็นส่วนหนึ่งของกองกลาง แต่ก็อาจใช้ในแผน 5-3-2 โดยนับเป็นกองหลัง ได้เช่นกัน ผู้เล่นตำแหน่งวิงแบ็คต้องมีความแข็งแกร่งของร่างกายสูง เนื่องจากเป็นตำแหน่งที่ต้องวิ่ง เป็นระยะทางมากกว่าตำแหน่งอื่น ตัวอย่างวิงแบ็คที่มีชื่อเสียงและยังเล่นอยู่ได้แก่ โรแบร์โต คาร์ลอส, ดาเนียล อัลเวส, ฮาเวียร์ ซาเนตติ, จิอันลูกา ซามบรอตตา, ฟิลิปป์ ลาห์ม, ดั๊กลาส ไมค่อนยอห์น อาร์เน รีเซ เป็นต้น สวีปเปอร์สวีปเปอร์ (Sweeper) หรือ ลิเบอโร เป็นรูปแบบหนึ่งของเซ็นเตอร์แบ็ค โดยเปรียบเสมือน"ตัวกวาด" ตัวสุดท้ายหน้าผู้รักษาประตู ตำแหน่งนี้มีอิสระในการเล่นสูงกว่าเซ็นเตอร์แบ็ค ปกติที่มีหน้าที่ประกบตัว ชัดเจน สวีปเปอร์ต้องมีทักษะในการอ่านเกมสูงที่สุดในทีม และบาง ครั้งอาจเป็นบุคคลสำคัญที่เป็นผู้ตัดสินใจในเกมบุกแบบโต้กลับ จึงจำเป็นต้องมีทักษะในการ ควบคุมบอลและการส่งลูกที่ดีอีกด้วย สวีปเปอร์ที่มีชื่อเสียงในวงการฟุตบอลมีไม่เยอะนัก ตัวอย่างเช่น ฟรานซ์ แบคเคนบาวเออร์, มัทธีอัส ซามเมอร์ เป็นต้น ผู้เล่นในปัจจุบันได้แก่ ริโอ เฟอร์ดินานด์, มาร์โค มาเตรัซซี กองกลางตัวรุก เป็นตำแหน่งที่ผู้เล่นที่ประจำการในแดนกลางของทีม จะต้องครองบอล และลำเลียงบอลจ่าย ไปให้กับกองหน้า หรือละเลี้ยงบอลเข้าไปทำประตูเองก็ได้ จะเป็นผู้ที่จะบัญชาเกมรุกของทีม ลักษณะทั่วไปของผู้เล่นตำแหน่งนี้ จะต้องเป็นผู้เล่นที่จ่ายบอลได้แม่น และยิงประตูได้ดี และ ที่สำคัญ จะต้องใช้เท้าซ้ายและขวา ได้คล่อง พอๆกัน เพราะจะต้องส่งลูกฉีกออกทางปีกซ้าย ขวา กองหน้าด้านซ้ายขวาอีกด้วย ผู้เล่นในตำแหน่งกองกลางตัวรุกที่เด่นๆ ได้แก่ ริวัลโด้ , ฮวน โรมัน ริเกลเม่ , มาราโดน่า , ซิโก้ , เดโก้ , ไมเคิ่ล เลาดรู๊ป , รุท กุลลิต , โยฮัน ครัฟต์ , มิชาเอล บัลลัค , ซีดาน , เจอร์ราร์ด , สโคลส์ , ชไนเดอร์ ฯลฯ กองกลางตัวรับ เป็นตำแหน่งที่อยู่ข้างหน้าคู่เซนเตอร์แบ๊ค มีหน้าที่ตัดเกมคู่ต่อสู้ก่อนถึงเซนเตอร์แบ๊ค ในบาง ครั้งยังต้องไปช่วย แบ๊คขวา,แบ๊คซ้าย สกัดบอลและยังต้องหาจังหวะเติมไปยิงแถว 2 ด้วย ดังนั้นควรมีความอึดและความขยันมากๆ ผู้เล่นในตำแหน่งกองกลางตัวรับที่เด่นๆ ได้แก่ ซาบี อลอนโซ่, เกนนาโร่ กัสตูโซ่, รอย คีน, ปาทริค วิเอร่า, อังเดร เปียโร่ ฯลฯ ปีกขวาปีกขวา (Right Wing) มีหน้าที่ในการสนับสนุนเกมบุกของทีม โดยจะเริ่มต้นเกมบุกจากทางริมเส้นด้านขวาของสนาม และจะลำเลียงบอลไปและเปิดเข้ากลาง ไปให้กับกองหน้า สามารถ เล่นได้ทั้งตำแหน่งกองกลางริมเส้น (Side Midfield) หรือจะเป็น กองหน้าริมเส้น (Wing Forward) ก็ได้ โดยปกติ ผู้เล่นตำแหน่ง ปีกขวา จะเป็นคนที่ถนัดขวา ในบางกรณี อย่างเช่น แผนการเล่น 3 - 5 - 2 ปีกทั้งสองข้าง ทั้งซ้ายและขวา จะต้องลงมาช่วยแนวรับ กลายเป็นทั้ง ปีกตัวบุก และปีกตัวรับ (Wing Back) ไปในตัวเดียวกัน ผู้เล่นในตำแหน่ง ปีกขวาที่มีชื่อเสียงได้แก่ หลุยส์ ฟิโก้ , เดวิด เบ็คแฮม , คริสเตียโน โรนัลโด้ ปีกซ้ายปีกซ้าย (Left Wing) มีหน้าที่ในการสนับสนุนเกมบุกของทีม โดยจะเริ่มต้นเกมบุกจากทางริมเส้นด้านซ้ายของสนาม และจะลำเลียงบอลไปและเปิดเข้ากลาง ไปให้กับกองหน้า สามารถ เล่นได้ทั้งตำแหน่งกองกลางริมเส้น (Side Midfield) หรือจะเป็น กองหน้าริมเส้น (Wing Forward) ก็ได้ โดยปกติ ผู้เล่นตำแหน่ง ปีกซ้าย จะเป็นคนที่ถนัดซ้าย ในบางกรณี อย่างเช่น แผนการเล่น 3 - 5 - 2 ปีกทั้งสองข้าง ทั้งซ้ายและขวา จะต้องลงมาช่วยแนวรับ กลายเป็นทั้ง ปีกตัวบุก และปีกตัวรับ (Wing Back) ไปในตัวเดียวกัน ผู้เล่นในตำแหน่ง ปีกซ้ายที่มีชื่อเสียงได้แก่ คริส วอดเดิ้ล (อดีตปีกซ้ายทีมชาติอังกฤษ ) ไรอั้น กิ๊กส์ อาร์เยน ร็อบเบน กองหน้าตัวเป้ามักเป็นศูนย์หน้าประเภทรอจังหวะ มักยืนในตำแหน่งใกล้ปากประตู มีหน้าที่พักบอล เก็บบอล หรือ เข้าทำประตูเอง เช่น อลัน เชียเรอร์, ดีดีเย ดร็อกบา,โรบิน ฟาน เพอร์ซี,เฟร์นานโด ตอร์เรส เป็นต้น กองหน้าตัวต่ำหรือหน้าต่ำ มักเป็นตัวเชื่อม ระหว่ากองกลางกับกองหน้า หน้าที่หลักคือ สร้างจังหวะ การทำประตู และหาจังหวะยิงประตูระยะไกล เช่น เดนนิส เบิร์กแคมป์, กาก้า เป็นต้น กองหน้าตัวริมเส้น หรือปีก มีหน้าที่สร้างเกมรุกจากริมเส้นข้างสนามด้านซ้ายหรือด้านขวา ในฟุตบอล สมัยใหม่นิยมให้ปีกเลี้ยงบอลตัดเข้ากลางสนามเพื่อหาโอกาสในการทำ ประตู เช่น คริสเตียโน โรนัลโด, ลิโอเนล เมสซี, ฟลอรองต์ มาลูดา เป็นต้น |
ตำแหน่งการเล่นฟุตบอล(Football player position)
ตำแหน่งการเล่นฟุตบอล(Football player position)
ผู้รักษาประตู (Goalkeeper)
1. GK (Goalkeeper)
ตำแหน่ง "ผู้รักษาประตู" ก็ทำหน้าที่รักษาประตูไม่ให้ทีมคู่แข่งเตะฟุตบอลเข้าประตูของทีมตัวเอง โดยสามารถใช้มือ แขน รับ หรือปัดบอลได้ภายในกรอบเขตโทษได้เท่านั้น
กองหลัง (Defender)
2. CB (Center Back)
กองหลังตัวกลาง โดยส่วนมากภายในทีมจะใช้ทั้งหมด 2 คน คอยยืนอยู่ข้างหน้าผู้รักษาประตู ทำหน้าที่ป้องกัน สกัดลูกบอลก่อนจะถึงมือผู้รักษาประตูในทีมของตัวเอง รวมทั้งสกัดลูกฟรีคิก ลูกกลางอากาศต่างๆ กองหลังส่วนมากจะมีรูปร่างสูงใหญ่ เพื่อปะทะกับทีมฝ่ายตรงข้าม
3. WB (Wing Back)
กองหลัง มีทั้งด้านซ้ายและขวาสุด หรือเรียกว่า Full Back แต่เป็นแบ็คที่ชื่นชอบในการ บุกบุก บุก !!!ตำแหน่งนี้ จะต้องใช้การวิ่งขึ้นเพื่อบุกทีมคู่แข่งหรือวิ่งลง เพื่อป้องกันและสกัดบอล จากทีมคู่แข่ง ดูๆไปก็มีทั้งวิ่งบุกและสกัดบอลแบบนี้ ค่อนข้างเหนื่อยเอาการเลยทีเดียว โดยในเกมส์ Dream league จะมี ทั้ง WBL(Wing Back Left ) และ WBR (Wing Back Right)
4. FB (Full Back)
กองหลังมีทั้ง แบ็คซ้าย (Left Back) และ แบ็คขวา (Right Back) ทำหน้าที่ในการสกัดบอล ด้านริมเส้นและลูกฟรีคิกต่างๆที่ทีมคู่แข่งพยายามเตะเข้ามาในกรอบเขตโทษ
5. SW (Sweeper)
กองหลังที่คอยช่วย ตำแหน่ง CB อีกทีเมื่อ CB หลุดจากตำแหน่งหรือทีมคู่แข่งสามารถเลี้ยงบอลผ่าน CB มาได้ แต่ตำแหน่งนี้ก็จะเสี่ยงเรื่องของการเช็คล้ำหน้า เนื่องจากเป็นตำแหน่งอิสระ ที่ไม่ต้องคอยประกบเหมือนกับ CB ดังนั้น ทักษะการอ่านเกมส์ต้องดี เพื่อช่วยทีม ของตัวเองเช็คล้ำหน้าจากทีมคู่แข่ง
6. DMC (Defensive Midfielder)
7. AMC (Attacking Central Midfielder)
กองกลางตัวรุก เป็นกองกลางที่ช่วยศูนย์หน้าบุก ต้องมีความสามารถในการสร้างสรรค์เกมส์บุก การจ่ายบอลแม่นยำ ต้องสามารถครองบอลได้ดี นอกจากนี้ต้องสามารถขึ้นไปช่วยเพื่อนยิงได้ด้วย ในเกมส์ ก็จะมีทั้ง AML (Attacking Left Midfield) และ AMR (Attacking Right Midfield) ซ้ายและขวา ตามลำดับ
8. MC (Central Midfield)
กองกลางตัวกลาง ทำหน้าที่ในการ ช่วยเกมส์ในแดนกลาง ทั้ง บุก สกัดบอล แย่งบอล ทักษะ การจ่ายบอลและครองบอลต้องดีเนื่องจากต้องช่วยประสานงานระหว่างกองหน้าและกองหลัง อาจจะเรียกว่าเป็น ห้องเครื่องของทีมก็ว่าได้ เพราะต้องคอยบัญชาการทั้งเกมส์รุกและเกมส์รับ
กองกลางตัวกลาง ทำหน้าที่ในการ ช่วยเกมส์ในแดนกลาง ทั้ง บุก สกัดบอล แย่งบอล ทักษะ การจ่ายบอลและครองบอลต้องดีเนื่องจากต้องช่วยประสานงานระหว่างกองหน้าและกองหลัง อาจจะเรียกว่าเป็น ห้องเครื่องของทีมก็ว่าได้ เพราะต้องคอยบัญชาการทั้งเกมส์รุกและเกมส์รับ
9. WL & WR (Left Winger & Right Winger)
ปีกซ้ายและปีกขวา ทำหน้าที่ช่วยในการบุกของทีมจากทางด้านริมเส้น นอกจากนี้ในกรณีที่ทีมถูกบุก ปีกซ้ายและปีกขาวก็จะต้องลงมาช่วยสกัดบอลในริมเส้นอีกด้วย
กองหน้า (Forward, Striker)
10. ST (Striker)
กองหน้าตัวเป้า รอจังหวะทำประตู ให้กับทีม ต้องมีทักษะในการเก็บบอล พักบอลและมีไหวพริบในการทำประตู เนื่องจากต้องตัดสินใจเร็วเมื่ออยู่หน้าประตู ร่างกายต้องแข็งแกร่งและ สามารถประทะกับกองหลังของทีมคู่แข่งได้ เมื่อมีลูกเตะมุมหรือลูกฟรีคิก ต้องสามารถโหม่งทำ ประตูและต้องจ่ายบอลให้กับเพื่อนในทีมในหน้ากรอบเขตโทษได้อีกด้วย
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)