วันพฤหัสบดีที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2559

ใบงานเรื่อง กิจกรรมนันทนาการ

ใบงานวิชาพลศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่ 5   เรื่อง   กิจกรรมนันทนาการ

ชื่อ...................................................................................ชั้น................................เลขที่...........................


นันทนาการ   หมายถึง...............................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................


ประเภทของกิจกรรมนันทนาการ
1...............................................ตัวอย่าง...........................................................................................................................
2...............................................ตัวอย่าง...........................................................................................................................
3...............................................ตัวอย่าง...........................................................................................................................
4...............................................ตัวอย่าง...........................................................................................................................
5...............................................ตัวอย่าง...........................................................................................................................
6...............................................ตัวอย่าง...........................................................................................................................
7...............................................ตัวอย่าง........................................................................................................................... 

ประโยชน์ของกิจกรรมนันทนาการ
1.......................................................................................................................................................................................
2.......................................................................................................................................................................................
3.......................................................................................................................................................................................
4.......................................................................................................................................................................................
5.......................................................................................................................................................................................
6.......................................................................................................................................................................................
7.......................................................................................................................................................................................

********************************** 

กิจกรรมนันทนาการที่ฉันชอบ
ชื่อกิจกรรม....................................................

ภาพกิจกรรม


ส่งงานทาง   Facebook  ม.สุเทพ  ทองขาว   (เทพฤทธิ์ ศิษย์หามลง)

สนาม และตำแหน่งผู้เล่นกีฬาวอลเลย์บอล

สนาม[แก้]

มุมมองสนามวอลเลย์บอล
  • ขนาดสนาม ยาว 18 เมตร กว้าง 9 เมตร ถูกแบ่งออกเป็น 2 ฝั่งแดนด้วยตาข่าย ทำให้เกิดพื้นที่แดนละ 9×9 เมตร
  • พื้นที่โล่ง พื้นที่โล่งเหนือสนามควรสูงอย่างน้อย 7 เมตร แต่แนะนำที่สูง 8 เมตร ส่วนพื้นที่โล่งรอบสนามควรกว้างอย่างน้อย 3 เมตรขึ้นไป ในการแข่งขันระดับโลกหรือที่เป็นทางการมักกำหนดพื้นที่โล่งเหนือสนามที่ 12.5 เมตร ด้านข้าง 5 เมตร ด้านหลัง 6.5 เมตร
  • สีพื้นสนาม สีพื้นสนามต้องเป็นสีอ่อนและสีแตกต่างกับพื้นที่โล่งรอบสนาม
  • ตาข่าย กว้าง 1 เมตร ขึงเหนือเส้นกลางสนาม แถบบนของตาข่ายกว้าง 7 ซม.
    • ประเภทชาย ส่วนบนของตาข่ายจะสูงจากพื้นสนาม 2.43 เมตร (8 ฟุต)
    • ประเภทหญิง ส่วนบนของตาข่ายจะสูงจากพื้นสนาม 2.24 เมตร (7 ฟุต 4 นิ้ว)
  • เส้นขอบสนาม เป็นเส้นสีขาวรอบพื้นที่สนาม กว้าง 2 นิ้ว (5 ซม.) ประกอบด้วยเส้นข้างและเส้นหลัง ถือเป็นเส้นแสดงขอบเขตและเป็นส่วนหนึ่งของพื้นที่สนาม หากบอลตกบนเส้นนี้จะถือว่าลงพื้นที่ในสนาม
  • เส้นรุก หรือเส้น 3 เมตร เป็นเส้นที่ขนานกับตาข่าย โดยห่างจากตาข่าย 3 เมตรทั้งสองแดน เส้นนี้จะแบ่งแดนแต่ละฝั่งออกเป็นแดนหน้ากับแดนหลัง เป็นเส้นกำหนดขอบเขตการโจมตีของผู้เล่นแดนหลัง
  • เส้นจำกัดขอบเขตผู้ฝึกสอน เป็นเส้นประที่วาดต่อจากเส้นรุกออกไปด้านข้างยาว 1.75 เมตร แล้วจึงลากตั้งฉากโดยขนานไปกับเส้นข้างจนสุดเส้นหลังของสนาม
  • เสาอากาศ เป็นเสาที่ติดอยู่ข้างตาข่ายทั้ง 2 ด้านและอยู่เหนือเส้นข้างของสนาม เสาสูง 1.8 เมตร เส้นผ่านศูนย์กลาง 10 มม. เสาอากาศมักมีแถบสีแดงสลับขาว เสาอากาศจะยื่นขึ้นไปด้านบนนับจากด้านบนตาข่าย 80 ซม. เพื่อแสดงสมมติฐานแนวเพดานของเส้นข้าง บอลจะข้ามตาข่ายอย่างถูกต้องก็ต่อเมื่อบอลผ่านระหว่างเสาอากาศทั้ง 2 ด้านและไม่สัมผัสโดนเสาอากาศ
  • อุณหภูมิ อุณหภูมิภายในสนามไม่ควรต่ำกว่า 10 องศาเซลเซียส ส่วนการแข่งขันระดับโลกหรือที่เป็นทางการมักกำหนดอุณหภูมิอยู่ในช่วง 16–25 องศาเซลเซียส
  • แสง การแข่งขันระดับโลกหรือที่เป็นทางการมักกำหนดที่ 1,000–1,500 ลักซ์โดยวัดที่ระดับจากพื้นสนามขึ้นมา 1 เมตร

บอล[แก้]

สนามวอลเลย์บอล
สหพันธ์วอลเลย์บอลระหว่างประเทศ กำหนดว่าบอลต้องมีลักษณะทรงกลม ทำจากหนังหรือหนังสังเคราะห์ มีเส้นรอบวง 65–67 ซม. หนัก 260–280 กรัม และแรงดันภายใน 0.30–0.325 กก./ตร.ซม. โดยอาจเป็นสีเดียวหรือหลากสีประกอบกัน

ผู้เล่น[แก้]

ผู้เล่นในสนามมี 2 ทีม ทีมละ 6 คน แดนหลังประกอบด้วยผู้เล่นในตำแหน่งที่ 5, 6 และ 1 ส่วนแดนหน้าประกอบด้วยผู้เล่นในตำแหน่งที่ 4, 3 และ 2 โดยนับจากซ้าย(ดังรูป) ตำแหน่งที่ 1 คือ ตำแหน่งผู้เล่นเสิร์ฟ
  • ตัวตั้ง หรือ ตัวเซ็ต (Setter) มักต่อบอลในบอลที่สองโดยการตั้งบอลไปยังตัวรุกเพื่อทำคะแนน ตัวเซ็ตต้องมีลักษณะที่ปราดเปรียวว่องไว ไหวพริบดี มียุทธวิธีในการเลือกตัวรุกเพื่อทำคะแนน
  • ตัวบล็อกกลาง หรือ ตัวตีกลาง (Middle blocker / Middle hitter) คือผู้เล่นที่สามารถรุกได้อย่างรวดเร็วโดยมักอยู่ใกล้ตัวเซ็ต รวมทั้งมีการบล็อกที่ดี นอกจากนี้ยังต้องสามารถขึ้นบล็อกคู่ด้านข้างของสนามได้เป็นอย่างดี แต่ละทีมมักจะมีผู้เล่นตำแหน่งนี้ 2 คน
  • ตัวตีด้านนอก หรือ ตัวตีด้านซ้าย (Outside hitter / Left side hitter) บางครั้งเรียกว่า ตัวตีหัวเสา ทำหน้าที่บุกจากเสาอากาศด้านซ้าย มักจะเป็นตัวตบที่คงเส้นคงวาที่สุดของทีมและมักจะได้บอลจากตัวเซ็ตมากที่สุด กรณีรับบอลแรกไม่เข้าจุด ตัวเซ็ตจำเป็นต้องเซ็ตลูกโด่ง ท้ายที่สุดมักจะเซ็ตบอลมาให้ตำแหน่งนี้ แต่ละทีมมักจะมีผู้เล่นตำแหน่งนี้ 2 คน
  • ตัวตีตรงข้าม หรือ ตัวตีด้านขวา (Opposite hitter / Right side hitter) รับหน้าที่เป็นแนวหน้าปกป้องเกมรุกของคู่แข่งเป็นหลัก อยู่บริเวณเสาอากาศด้านขวา โดยคอยบล็อกตัวตีด้านซ้ายของคู่แข่ง และยังเป็นดั่งตัวเซ็ตสำรองด้วย
  • ตัวรับอิสระ หรือ ลิเบโร (Libero) คือผู้เล่นที่ชำนาญเกมรับเป็นพิเศษและไม่จำเป็นต้องตัวสูง ถือเป็นตัวที่ต่อบอลได้ดีที่สุดของทีม และจะต้องสวมชุดที่ต่างจากผู้เล่นคนอื่นในทีม ลิเบโรไม่มีสิทธิ์บล็อกหรือตีบอลขณะบอลอยู่เหนือตาข่ายได้ เมื่อเกมหยุด ลิเบโรสามารถเปลี่ยนตัวกับผู้เล่นแดนหลังได้โดยไม่ต้องแจ้งผู้ตัดสินและจะไม่นับรวมว่าเป็นการเปลี่ยนตัวของทีม ลิเบโรสามารถเซ็ตบอลเหนือศีรษะคล้ายตัวเซ็ตได้ก็ต่อเมื่อยืนอยู่หลังเส้นรุกเท่านั้น นอกจากนี้ลิเบโรไม่มีสิทธิ์เสิร์ฟบอล (ยกเว้นในบางองค์กร เช่น NCAA อนุญาตให้เสิร์ฟได้)

ตำแหน่งผู้เล่นกีฬาฟุตบอล


ผู้รักษาประตู

กีฬาฟุตบอลนั้น เป็นกีฬาที่ผู้เล่นทุกคนจะใช้เท้า, ส่วนของขา และหัว ในการเล่นบอล โดยที่ผู้เล่นจะ
ไม่อนุญาตให้ใช้มือหรือแขนในการหยิบ เคาะ ปัด หรือสัมผัสบอลเป็นอันขาด แต่ผู้รักษาประตูสามารถ
ทำได้ (ในกรอบที่จำกัดเท่านั้น ซึ่งในสนามฟุตบอลจะมีการตีกรอบให้เห็น เรียกว่า กรอบเขตโทษ 
ถ้าอยู่นอกเขตโทษผู้รักษาประตูก็จะไม่สามารถใช้มือได้เหมือนผู้เล่นคนอื่นๆ) การแต่งกายของผู้รักษา
ประตูนั้นสามารถแต่งกายยังไงก็ได้ตามอิสระ (กติกาบอกเพียงแต่ว่า ผู้รักษาประตูให้ใส่เสื้อสีอะไรก็ได้
ที่ไม่เหมือนกับสีของผู้เล่นทั้ง 2 ฝ่าย) สามารถที่จะใส่กางเกงขายาว หรือหมวกได้ แต่ยังไงก็ตามเครื่อง
แต่งกายที่ผู้รักษาประตูนิยมใส่กันคือถุงมือ (จริงๆ แล้วไม่มีกติกาบังคับว่าผู้รักษาประตูต้องใส่ถุงมือ 
แต่ถุงมือเป็นอุปกรณ์ที่ดีในการช่วยลดการบาดเจ็บของมือและนิ้วในขณะรับลูก)ตาม กฏกติกาของฟุตบอลนั้นกำหนดไว้ว่า ทีมๆ หนึ่งสามารถส่งผู้เล่นลงสนามได้ไม่เกิน 11 คน และ
ต้องไม่ต่ำกว่า 7 คน ซึ่งหนึ่งในนั้นบังคับว่าต้องเป็นผู้รักษาประตู และในทีมๆ หนึ่งห้ามส่งผู้เล่นทำหน้าที่
เป็นผู้รักษาประตูในสนามเกิน 1 คน และเวลาที่ผู้เล่นบาดเจ็บหนัก ถ้าเป็นผู้เล่นโดยทั่วๆ ไปบาดเจ็บจะ
ถูกแพทย์สนามหามออกนอกสนามแล้วหลังจากที่ผู้เล่นนั้นถูกหามออก นอกสนามเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เกมจะดำเนินต่อไป แต่ในกรณีของผู้รักษาประตูเจ็บหนักนั้นกรรมการจะเป่าหยุดเกมแล้วจึงปฐม
พยาบาล ถ้าผู้รักษาประตูที่บาดเจ็บเล่นไหวเกมจึงจะดำเนินต่อ ถ้าไม่ไหวจึงจะมีการเปลี่ยนตัวจากที่
บอกไว้ว่า แต่ละทีมต้องมีผู้รักษาประตูลงสนามเสมอ ในกรณีที่ผู้รักษาประตูเจ็บหนักไม่สามารถลงเล่น
ต่อได้ต้องเปลี่ยนตัวให้ผู้ รักษาประตูสำรองลงสนามแทน (ในรายชื่อตัวสำรองตามปกติผู้จัดการทีมจะ
ใส่ชื่อผู้รักษาประตูเอาไว้ด้วย เสมอ) ถ้าเกิดกรณีฉุกเฉินจริงๆ เช่น ในทีมใช้โควต้าเปลี่ยนตัวผู้เล่นจน
ครบโควต้าแล้วเกิดเหตุการณ์ที่ผู้รักษา ประตูในทีมเจ็บหนักหรือถูกใบแดงไล่ออกจากสนาม ในทีมก็จะ
มีการแต่งตั้งผู้เล่นคนหนึ่งในสนามเป็นผู้รักษาประตูแทน (ในภาษาฟุตบอลเรียกว่า ผู้รักษาประตูจำเป็น)



เซ็นเตอร์แบ็ค

เซ็นเตอร์แบ็ค (Center back) คือกองหลังตัวกลาง ที่คอยป้องกันการบุกของผู้เล่นทีมคู่ต่อสู้
 โดยเฉพาะกองหน้า ทีมส่วนมากนิยมใช้เซ็นเตอร์แบ็ค 2 คนยืนประจำอยู่หน้าผู้รักษาประตู 
กลยุทธที่นิยมใช้ในการป้องกันของเซ็นเตอร์แบ็คคือ การป้องกันแบบโซน (แต่ละคนมีพื้นที่
รับผิดชอบ) และการมาร์คตัว (แต่ละคนรับหน้าที่ประกบกองหน้าคู่ต่อสู้แบบเจาะจงตัว)
เซ็นเตอร์แบ็คส่วนใหญ่มีรูปร่างสูง และมีทักษะในการโหม่ง การประกบ ในบางครั้งเซ็นเตอร์
แบ็คที่มีรูปร่างสูงใหญ่อาจขึ้นไปช่วยโหม่งทำประตู เมื่อทีมได้ลูกตั้งเตะ เช่น ลูกเตะคอร์เนอร์ 
หรือ ฟรีคิกเดิมทีตำแหน่งนี้ถูกเรียกว่า เซ็นเตอร์ฮาล์ฟ (Center half) เนื่องจากในช่วงก่อนศตวรรษที่ 20 ทีมส่วนมากนิยมใช้แผนการเล่นแบบ 2-3-5 โดยผู้เล่นกองหลัง 3 คนสุดท้ายจะเรียกว่า เซ็นเตอร์ฮาล์ฟ
ตัวอย่างเซ็นเตอร์แบ็คที่มีชื่อเสียงทั้งในอดีตและยังเล่นอยู่ ได้แก่ ฟาบิโอ คันนาวาโร,
 เปาโล มัลดีนีอเลสซานโดร เนสตาจอห์น เทอร์รีลิลียง ตูรามลูซิโอการ์เลส ปูยอล,
 วิลเลียม กัลลาส และริโอ เฟอร์ดินานด์ เป็นต้น

 ฟูลแบ็ค

ฟูลแบ็ค (Full back) เป็นตำแหน่งในการป้องกันด้านกว้าง โดยยืนอยู่แต่ละข้างของขอบสนาม
 หน้าที่หลักคือการสกัดการส่งผ่านบอลของฝ่ายตรงข้ามเข้าสู่เขตโทษ ฟูลแบ็คส่วนใหญ่จะมี
บทบาทในเกมรุก โดยขึ้นไปทางปีก และส่งผ่านบอลเข้าสู่เขตโทษของฝ่ายตรงข้าม
ในระบบ 2-3-5 ผู้เล่นกองหลังอีก 2 คนที่ไม่ใช่เซ็นเตอร์แบ็คจะเรียกว่า "ฟูลแบ็ค" และถูกเรียก
ต่อมาจนถึงปัจจุบัน
ตัวอย่างฟูลแบ็คที่มีชื่อเสียงและยังเล่นอยู่ได้แก่ โรแบร์โต คาร์ลอสแอชลีย์ โคลแกรี เนวิลล์
จานลูก้า ซามบรอตต้า เป็นต้น


 วิงแบ็ค

วิงแบ็ค (Wing back) เป็นรูปแบบหนึ่งของฟูลแบ็ค โดยเน้นบทบาทในเกมบุกมากกว่าเดิม ชื่อ
วิงแบ็คนั้นเกิดจากการผสมกันของ "วิง" (ปีก) และ "แบ็ค" (กองหลัง) เดิมนิยมใช้ในระบบ 
3-5-2 และถูกนับเป็นส่วนหนึ่งของกองกลาง แต่ก็อาจใช้ในแผน 5-3-2 โดยนับเป็นกองหลัง
ได้เช่นกัน
ผู้เล่นตำแหน่งวิงแบ็คต้องมีความแข็งแกร่งของร่างกายสูง เนื่องจากเป็นตำแหน่งที่ต้องวิ่ง
เป็นระยะทางมากกว่าตำแหน่งอื่น
ตัวอย่างวิงแบ็คที่มีชื่อเสียงและยังเล่นอยู่ได้แก่ โรแบร์โต คาร์ลอสดาเนียล อัลเวสฮาเวียร์ ซาเนตติจิอันลูกา ซามบรอตตาฟิลิปป์ ลาห์มดั๊กลาส ไมค่อนยอห์น อาร์เน รีเซ เป็นต้น

สวีปเปอร์

สวีปเปอร์ (Sweeper) หรือ ลิเบอโร เป็นรูปแบบหนึ่งของเซ็นเตอร์แบ็ค โดยเปรียบเสมือน
 "ตัวกวาด" ตัวสุดท้ายหน้าผู้รักษาประตู ตำแหน่งนี้มีอิสระในการเล่นสูงกว่าเซ็นเตอร์แบ็ค
ปกติที่มีหน้าที่ประกบตัว ชัดเจน สวีปเปอร์ต้องมีทักษะในการอ่านเกมสูงที่สุดในทีม และบาง
ครั้งอาจเป็นบุคคลสำคัญที่เป็นผู้ตัดสินใจในเกมบุกแบบโต้กลับ จึงจำเป็นต้องมีทักษะในการ
ควบคุมบอลและการส่งลูกที่ดีอีกด้วย
สวีปเปอร์ที่มีชื่อเสียงในวงการฟุตบอลมีไม่เยอะนัก ตัวอย่างเช่น ฟรานซ์ แบคเคนบาวเออร์,
 มัทธีอัส ซามเมอร์ เป็นต้น ผู้เล่นในปัจจุบันได้แก่ ริโอ เฟอร์ดินานด์มาร์โค มาเตรัซซี

กองกลางตัวรุก 
เป็นตำแหน่งที่ผู้เล่นที่ประจำการในแดนกลางของทีม จะต้องครองบอล และลำเลียงบอลจ่าย
ไปให้กับกองหน้า หรือละเลี้ยงบอลเข้าไปทำประตูเองก็ได้ จะเป็นผู้ที่จะบัญชาเกมรุกของทีม 
ลักษณะทั่วไปของผู้เล่นตำแหน่งนี้ จะต้องเป็นผู้เล่นที่จ่ายบอลได้แม่น และยิงประตูได้ดี และ
ที่สำคัญ จะต้องใช้เท้าซ้ายและขวา ได้คล่อง พอๆกัน เพราะจะต้องส่งลูกฉีกออกทางปีกซ้าย
ขวา กองหน้าด้านซ้ายขวาอีกด้วย
ผู้เล่นในตำแหน่งกองกลางตัวรุกที่เด่นๆ ได้แก่ ริวัลโด้ , ฮวน โรมัน ริเกลเม่ , มาราโดน่า , 
ซิโก้ , เดโก้ , ไมเคิ่ล เลาดรู๊ป , รุท กุลลิต , โยฮัน ครัฟต์ , มิชาเอล บัลลัค , ซีดาน , เจอร์ราร์ด ,
 สโคลส์ , ชไนเดอร์ ฯลฯ


กองกลางตัวรับ
เป็นตำแหน่งที่อยู่ข้างหน้าคู่เซนเตอร์แบ๊ค มีหน้าที่ตัดเกมคู่ต่อสู้ก่อนถึงเซนเตอร์แบ๊ค ในบาง
ครั้งยังต้องไปช่วย แบ๊คขวา,แบ๊คซ้าย สกัดบอลและยังต้องหาจังหวะเติมไปยิงแถว 2 ด้วย 
ดังนั้นควรมีความอึดและความขยันมากๆ
ผู้เล่นในตำแหน่งกองกลางตัวรับที่เด่นๆ ได้แก่ ซาบี อลอนโซ่, เกนนาโร่ กัสตูโซ่, รอย คีน, 
ปาทริค วิเอร่า, อังเดร เปียโร่ ฯลฯ

ปีกขวา

ปีกขวา (Right Wing) มีหน้าที่ในการสนับสนุนเกมบุกของทีม โดยจะเริ่มต้นเกมบุกจากทาง
ริมเส้นด้านขวาของสนาม และจะลำเลียงบอลไปและเปิดเข้ากลาง ไปให้กับกองหน้า สามารถ
เล่นได้ทั้งตำแหน่งกองกลางริมเส้น (Side Midfield) หรือจะเป็น กองหน้าริมเส้น 
(Wing Forward) ก็ได้ โดยปกติ ผู้เล่นตำแหน่ง ปีกขวา จะเป็นคนที่ถนัดขวา ในบางกรณี 
อย่างเช่น แผนการเล่น 3 - 5 - 2 ปีกทั้งสองข้าง ทั้งซ้ายและขวา จะต้องลงมาช่วยแนวรับ 
กลายเป็นทั้ง ปีกตัวบุก และปีกตัวรับ (Wing Back) ไปในตัวเดียวกัน
ผู้เล่นในตำแหน่ง ปีกขวาที่มีชื่อเสียงได้แก่ หลุยส์ ฟิโก้ , เดวิด เบ็คแฮม , คริสเตียโน โรนัลโด้

 ปีกซ้าย

ปีกซ้าย (Left Wing) มีหน้าที่ในการสนับสนุนเกมบุกของทีม โดยจะเริ่มต้นเกมบุกจากทาง
ริมเส้นด้านซ้ายของสนาม และจะลำเลียงบอลไปและเปิดเข้ากลาง ไปให้กับกองหน้า สามารถ
เล่นได้ทั้งตำแหน่งกองกลางริมเส้น (Side Midfield) หรือจะเป็น กองหน้าริมเส้น (Wing 
Forward) ก็ได้ โดยปกติ ผู้เล่นตำแหน่ง ปีกซ้าย จะเป็นคนที่ถนัดซ้าย ในบางกรณี อย่างเช่น
 แผนการเล่น 3 - 5 - 2 ปีกทั้งสองข้าง ทั้งซ้ายและขวา จะต้องลงมาช่วยแนวรับ กลายเป็นทั้ง 
ปีกตัวบุก และปีกตัวรับ (Wing Back) ไปในตัวเดียวกัน
ผู้เล่นในตำแหน่ง ปีกซ้ายที่มีชื่อเสียงได้แก่ คริส วอดเดิ้ล (อดีตปีกซ้ายทีมชาติอังกฤษ )
ไรอั้น กิ๊กส์ อาร์เยน ร็อบเบน


กองหน้าตัวเป้มักเป็นศูนย์หน้าประเภทรอจังหวะ มักยืนในตำแหน่งใกล้ปากประตู มีหน้าที่พักบอล
เก็บบอล หรือ เข้าทำประตูเอง
เช่น อลัน เชียเรอร์ดีดีเย ดร็อกบา,โรบิน ฟาน เพอร์ซี,เฟร์นานโด ตอร์เรส เป็นต้น


กองหน้าตัวต่ำหรือหน้าต่ำ มักเป็นตัวเชื่อม ระหว่ากองกลางกับกองหน้า หน้าที่หลักคือ สร้างจังหวะ
การทำประตู และหาจังหวะยิงประตูระยะไกล
 เช่น เดนนิส เบิร์กแคมป์กาก้า เป็นต้น


กองหน้าตัวริมเส้น หรือปีก มีหน้าที่สร้างเกมรุกจากริมเส้นข้างสนามด้านซ้ายหรือด้านขวา ในฟุตบอล
สมัยใหม่นิยมให้ปีกเลี้ยงบอลตัดเข้ากลางสนามเพื่อหาโอกาสในการทำ ประตู
 เช่น คริสเตียโน โรนัลโดลิโอเนล เมสซีฟลอรองต์ มาลูดา เป็นต้น

ตำแหน่งการเล่นฟุตบอล(Football player position)

ตำแหน่งการเล่นฟุตบอล(Football player position)





ผู้รักษาประตู (Goalkeeper)
     
             1. GK (Goalkeeper)

                                         

                                                   
                                                               
           ตำแหน่ง "ผู้รักษาประตู"  ก็ทำหน้าที่รักษาประตูไม่ให้ทีมคู่แข่งเตะฟุตบอลเข้าประตูของทีมตัวเอง  โดยสามารถใช้มือ แขน รับ หรือปัดบอลได้ภายในกรอบเขตโทษได้เท่านั้น


กองหลัง (Defender)



      
            2. CB (Center Back)
           
           กองหลังตัวกลาง โดยส่วนมากภายในทีมจะใช้ทั้งหมด 2 คน คอยยืนอยู่ข้างหน้าผู้รักษาประตู ทำหน้าที่ป้องกัน สกัดลูกบอลก่อนจะถึงมือผู้รักษาประตูในทีมของตัวเอง รวมทั้งสกัดลูกฟรีคิก   ลูกกลางอากาศต่างๆ  กองหลังส่วนมากจะมีรูปร่างสูงใหญ่  เพื่อปะทะกับทีมฝ่ายตรงข้าม

            3. WB (Wing Back)
            
            กองหลัง มีทั้งด้านซ้ายและขวาสุด หรือเรียกว่า Full Back แต่เป็นแบ็คที่ชื่นชอบในการ บุกบุก บุก !!!ตำแหน่งนี้ จะต้องใช้การวิ่งขึ้นเพื่อบุกทีมคู่แข่งหรือวิ่งลง เพื่อป้องกันและสกัดบอล จากทีมคู่แข่ง ดูๆไปก็มีทั้งวิ่งบุกและสกัดบอลแบบนี้ ค่อนข้างเหนื่อยเอาการเลยทีเดียว โดยในเกมส์ Dream league จะมี ทั้ง WBL(Wing Back Left ) และ WBR (Wing Back Right)

            4.  FB (Full Back)
           
           กองหลังมีทั้ง แบ็คซ้าย (Left Back) และ แบ็คขวา (Right Back) ทำหน้าที่ในการสกัดบอล  ด้านริมเส้นและลูกฟรีคิกต่างๆที่ทีมคู่แข่งพยายามเตะเข้ามาในกรอบเขตโทษ

            5. SW (Sweeper) 

           กองหลังที่คอยช่วย ตำแหน่ง CB อีกทีเมื่อ CB หลุดจากตำแหน่งหรือทีมคู่แข่งสามารถเลี้ยงบอลผ่าน CB มาได้ แต่ตำแหน่งนี้ก็จะเสี่ยงเรื่องของการเช็คล้ำหน้า เนื่องจากเป็นตำแหน่งอิสระ ที่ไม่ต้องคอยประกบเหมือนกับ CB ดังนั้น ทักษะการอ่านเกมส์ต้องดี เพื่อช่วยทีม   ของตัวเองเช็คล้ำหน้าจากทีมคู่แข่ง 



กองกลาง (Midfielder)
           
                           
            

           6. DMC (Defensive Midfielder) 

           กองกลางตัวรับ  เมื่อถูกทีมคู่แข่งบุกมา กองกลางตัวรับจะต้องทำหน้าที่ ในการสกัดบอลแย่งบอล ส่งบอล จ่ายบอล ให้กับเพื่อนๆในทีม โดยทักษะในการจ่ายบอลจำเป็นต้องดี การครองบอลต้องเยี่ยม เพราะถ้าหากเสียบอลในแดนกลางจะทำให้กองหลังทำงานหนักมากขึ้นและเสี่ยงต่อการเสียประตูได้


          7. AMC (Attacking Central Midfielder)

        กองกลางตัวรุก เป็นกองกลางที่ช่วยศูนย์หน้าบุก ต้องมีความสามารถในการสร้างสรรค์เกมส์บุก การจ่ายบอลแม่นยำ ต้องสามารถครองบอลได้ดี นอกจากนี้ต้องสามารถขึ้นไปช่วยเพื่อนยิงได้ด้วย ในเกมส์ ก็จะมีทั้ง AML (Attacking Left Midfield) และ AMR (Attacking Right Midfield) ซ้ายและขวา ตามลำดับ
          8. MC (Central Midfield)

        กองกลางตัวกลาง ทำหน้าที่ในการ ช่วยเกมส์ในแดนกลาง ทั้ง บุก สกัดบอล แย่งบอล ทักษะ การจ่ายบอลและครองบอลต้องดีเนื่องจากต้องช่วยประสานงานระหว่างกองหน้าและกองหลัง อาจจะเรียกว่าเป็น ห้องเครื่องของทีมก็ว่าได้ เพราะต้องคอยบัญชาการทั้งเกมส์รุกและเกมส์รับ

           9. WL & WR (Left Winger & Right Winger)
                        
        ปีกซ้ายและปีกขวา  ทำหน้าที่ช่วยในการบุกของทีมจากทางด้านริมเส้น นอกจากนี้ในกรณีที่ทีมถูกบุก ปีกซ้ายและปีกขาวก็จะต้องลงมาช่วยสกัดบอลในริมเส้นอีกด้วย 


กองหน้า (Forward, Striker)


    


          10. ST (Striker)
                  
         กองหน้าตัวเป้า รอจังหวะทำประตู ให้กับทีม ต้องมีทักษะในการเก็บบอล พักบอลและมีไหวพริบในการทำประตู เนื่องจากต้องตัดสินใจเร็วเมื่ออยู่หน้าประตู ร่างกายต้องแข็งแกร่งและ สามารถประทะกับกองหลังของทีมคู่แข่งได้ เมื่อมีลูกเตะมุมหรือลูกฟรีคิก ต้องสามารถโหม่งทำ ประตูและต้องจ่ายบอลให้กับเพื่อนในทีมในหน้ากรอบเขตโทษได้อีกด้วย

วันพฤหัสบดีที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2559

กิจกรรมนันทนาการ

ความหมายของนันทนาการ
       นันทนาการ เป็นคำมาจากคำเดิมว่า "สันทนาการ" ซึ่งพระยาอนุมานราชธน หรือเสถียรโกเศศได้บัญญัติไว้เมื่อปี พ.ศ.2507 และตรงกับศัพท์ภาษาอังกฤษว่า "Recreation" มีนักวิชาการได้ให้ความหมายของนันทนาการไว้หลากหลาย ซึ่งสามารถสรุปได้ดังนี้

       นันทนาการ หมายถึง การทำให้ชีวิตสดชื่น โดยการเสริมสร้างพลังงานขึ้นใหม่ หลังจากที่ร่างกายใช้พลังงานแล้วเกิดเป็นความเหนื่อยเมื่อยล้าทางร่างกาย จิตใจและทางสมอง เมื่อบุคคลเข้าร่วมกิจกรรมนันทนาการจะช่วยขจัด หรือผ่อนคลายความเหนื่อยเมื่อยล้าทางด้านร่างกายและจิตใจ ในความหมายนี้ นันทนาการจึงเป็นการตอบสนองความต้องการทางกายและจิตใจของบุคคลได้อย่างแท้จริง

       นันทนาการ หมายถึง กิจกรรม (Activities) ต่างๆ ที่บุคคลเข้าร่วมในช่วงเวลาว่าง โดยไม่มีการบังคับหรือเข้าร่วมด้วยความสมัครใจ มีผลก่อให้เกิดการพัฒนาอารมณ์สุข สนุกสนานหรือความสุขสงบ และกิจกรรมนั้นๆ จะต้องเป็นกิจกรรมที่สังคมยอมรับ ซึ่งเป็นกิจกรรมที่มีความหลากหลาย เช่น กิจกรรมศิลปหัตกรรม การอ่าน-เขียน กิจกรรมอาสาสมัคร ศิลปวัฒนธรรม งานอดิเรก เกม กีฬา การละคร ดนตรี กิจกรรมเข้าจังหวะ และนันทนาการกลางแจ้งนอกเมือง

       นันทนาการ หมายถึง กระบวนการ (Process) หรือประสบการณ์ที่บุคคลได้รับโดยอาศัยกิจกรรมนันทนาการในช่วงเวลาว่างเป็นสื่อ ก่อให้เกิดการพัฒนาหรือความเจริญงอกงามทางกาย อารมณ์ สังคม และสติปัญญาของบุคคล

       นันทนาการ หมายถึง เป็นสถาบันทางสังคมหรือแหล่งศูนย์กลางของสังคม เพื่อให้บุคคล หรือสมาชิกเข้าร่วมกิจกรรมนันทนาการแล้วก่อให้เกิดความเจริญงอกงามทางร่างกายและพัฒนาทางด้านอารมณ์ จิตใจ และสังคม ซึ่งโดยปกติรัฐมีหน้าที่จัดแหล่งนันทนาการในรูปแบบต่างๆ เช่น สวนสาธารณะในเมือง สวนหย่อม ศูนย์เยาวชน ห้องสมุดสำหรับประชาชน ดนตรีสำหรับประชาชน วนอุทยาน และอุทยานแห่งชาติ
       ดังนั้นกิจกรรมนันทนาการจึงหมายถึง กิจกรรมที่ทำในเวลาว่างจากการทำภารกิจส่วนตัว ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน การกิน การนอน การพักผ่อน โดยทุกกิจกรรมต้องทำด้วยความเต็มใจโดยไม่มีการบังคับ และเกิดประโยชน์ต่อตนเองและผู้อื่นด้วย
     องค์ประกอบที่สำคัญของนันทนาการ (ผศ.เอนก หงษ์ทองคำ,2542)  ประกอบด้วย
  1. เป็นกิจกรรม (Activity)
  2. ทำในเวลาว่าง (Leisure Time)
  3. โดยความสมัครใจ (Voluntary)
  4. ให้ความสุขเพลิดเพลิน (Pleasure)
  5. ถูกต้องตามกฎหมายและวัฒนธรรม ประเพณี (In Law, Culture and Tradition)
    ประโยชน์ของนันทนาการ
  1. การใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์
  2. ทำให้พักผ่อนหย่อนใจจากการทำงานปกติ
  3. ช่วยส่งเสริมสุขภาพจิต
  4. ช่วยป้องกันอาชญากรรมและความประพฤติเกเรของเด็ก
  5. เป็นรางวัลให้กับคนที่เข้าร่วม
  6. ส่งเสริมให้เกิดความสุข ความพอใจ
  7. ทำให้เกิดความปลอดภัยแก่สังคม
  8. ช่วยเสริมความรัก ความอบอุ่น และความเข้าใจอันดี ภายในครอบครัว
  9. ส่งเสริมการเป็นพลเมืองที่ดี
  10. ส่งเสริมให้มีการสงวนทรัพยากรธรรมชาติของประเทศ
ประเภทของกิจกรรมนันทนาการ
          กิจกรรมนันทนาการมีหลายประเภทเพื่อให้บุคคลเข้าร่วมทำกิจกรรมได้ตามความสนในดังนี้
          1. การฝีมือและศิลปหัตถกรรม (Arts and crafts) เป็นงานฝีมือหรือสิ่งประดิษฐ์ต่าง ๆ เช่น การวาดรูป งานแกะสลัก งานปั้น การประดิษฐ์ดอกไม้ เย็บปักถักร้อย ทำ ตุ๊กตาประดิษฐ์ข้าวของเครื่องใช้ และงานศิลปะอื่น ๆ
          2. เกมส์ กีฬา และกรีฑา (Games, sport and track and field’s) กิจกรรมนันทนาการประเภทนี้เป็นที่นิยมกันอย่างแพร่หลาย แบ่งได้เป็น กลุ่มใหญ่ คือ กีฬากลางแจ้ง (Outdoor Games) ได้แก่ กีฬาที่ต้องใช้สนามกลางแจ้ง เช่น ฟุตบอล บาสเก็ตบอลและกิจกรรมกลางแจ้งอื่น ๆ กีฬาในร่ม (Indoor Games) ได้แก่ กิจกรรมในโรงยิมเนเซียม หรือในห้องนันทนาการ เช่น แบดมินตัน เทเบิลเทนนิส หมากรุก ฯลฯ
          3. ดนตรีและร้องเพลง (Music) เป็นกิจกรรมนันทนาการที่ให้ความบันเทิง ดนตรีเป็นภาษาสากลที่ทุกชาติทุกภาษาสามารถเข้าใจเหมือนกัน แต่ละชาติแต่ละท้องถิ่นจะมีเพลงพื้นบ้านของตนเอง และเครื่องดนตรีพื้นบ้าน เราสามารถเลือกได้ตามความสนใจไม่ว่าจะเป็นสากลหรือพื้นบ้าน
          4. ละครและภาพยนตร์ (Drama) เป็นนันทนาการประเภทให้ความรู้ความบันเทิง ความสนุกสนานเพลิดเพลิน และสะท้อนให้เห็นถึงสภาพจริงของสังคมยุคนั้น ๆ
          5. งานอดิเรก (Hobbies) เป็นกิจกรรมนันทนาการที่ช่วยให้การดำ เนินชีวิตประจำ วัน มีความสุข เพลิดเพลิน งานอดิเรกมีหลายประเภท สามารถเลือกได้ตามความสนใจเช่น
                    5.1 ประเภทสะสม               5.2 การปลูกต้นไม้
                    5.3 การเลี้ยงสัตว์                5.4 การถ่ายรูป
          6. กิจกรรมทางสังคม (Social activities) เป็นกิจกรรมที่กลุ่มคนในสังคมร่วมจัดขึ้น โดยมี จุดมุ่งหมายเดียวกัน เช่น การจัดเลี้ยงปีใหม่ งานเลี้ยงวันเกิด กานฉลองในโอกาสพิเศษต่าง ๆ
          7. เต้นรำ ฟ้อนรำ (Dance) เป็นกิจกรรมที่ใช้จังหวะต่าง ๆ เป็นกิจกรรมที่ให้ความสนุกสนาน เช่น เต้นรำ พื้นเมือง การรำ ไทย รำ วง นาฏศิลป์ ลีลาศ
          8. กิจกรรมนอกเมือง (Outdoor activities) เป็นกิจกรรมนันทนาการนอกสถานที่ ที่ให้โอกาสมนุษย์ได้เรียนรู้ธรรมชาติ ได้พักผ่อน เช่น การอยู่ค่ายพักแรม ไปท่องเที่ยวตามแหล่งธรรมชาติ
          9. ทัศนศึกษา (Field trip) เพื่อศึกษาศิลปวัฒนธรรม ตามวัดวาอาราม หรือศึกษาความก้าวหน้าในด้านต่าง ๆ ในนิทรรศการหรืองานแสดงต่าง ๆ
          10. กิจกรรมพูด เขียน อ่าน ฟัง (Speaking Writing and Reading) การพูด เขียน อ่านฟัง ที่นับว่าเป็นกิจกรรมนันทนาการ ได้แก่
                   10.1 การพูด ได้แก่ การคุย การโต้วาที การปาถกถา ฯ
                   10.2 การเขียน ได้แก่ การเขียนบันทึกเรื่องราวประจำ วัน เขียนบทกวี เขียนเพลง เรื่องสั้น บทความ ฯ
                   10.3 การอ่าน ได้แก่ การอ่านหนังสือพิมพ์ อ่านหนังสือทั่ว ๆ ไป ที่ให้ทั้งความรู้และความเพลิดเพลิน
                   10.4 การฟัง ได้แก่ การฟังวิทยุ ฟังอภิปราย โต้วาที ทอล์คโชว์ ฯ
          11. กิจกรรมอาสาสมัคร (Voluntary Recreation) เป็นกิจกรรมบะเพ็ญประโยชน์ที่บุคคลเข้าร่วมด้วยความสมัครใจ เช่น กิจกรรมอาสาพัฒนา และกิจกรรมอาสาสมัครต่าง ๆ